ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,91, 288 และ 371

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก,72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,371 และ 91 ขณะกระทำความผิด จำเลยอายุ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 3 เดือน ฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 เดือน ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก5 ปี รวมจำคุก 5 ปี 4 เดือน คำให้การรับสารภาพและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยและนายทัศนัยว่าหลังจากจำเลยและพวกวิ่งหลบหนีเข้าบ้านแล้วประมาณ 10 นาที จำเลยวิ่งขึ้นไปบนบ้านของนายมีและนำอาวุธปืนออกมายืนหน้าบ้านเพื่อจะขู่กลุ่มวัยรุ่นให้กลับไป นายจักรกฤษณ์ถือมีดดาบและขวดจะเข้าทำร้ายจำเลยห่างประมาณ 3 เมตร จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มวัยรุ่น 1 นัด พฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้แสดงว่าจำเลยสมัครใจทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย เพราะขณะจำเลยกับพวกวิ่งหลบหนีเข้าบ้านถือว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายหมดสิ้นไปแล้ว หากจำเลยไม่ประสงค์จะทะเลาะวิวาทอีกต่อไป จำเลยไม่น่าจะนำอาวุธปืนออกมายืนอยู่หน้าอันเป็นการท้าทายกลุ่มของผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยสมัครใจเข้าทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของผู้เสียหาย จำเลยย่อมไม่อาจยกเอาการป้องกันตัวขึ้นมาอ้างเพื่อให้การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายได้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงผู้เสียหายทั้งสาม 1 นัด เป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยลงมือกระทำไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญของนายมนัสและนายลิ ส่วนนายจักรกฤษณ์กระสุนปืนพลาดไปจึงไม่ได้รับบาดเจ็บผู้เสียหายทั้งสามจึงไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ส่วนข้อหาฐานมีและพาอาวุธปืนนั้น เมื่อได้ความจากคำของประจักษ์พยานโจทก์ทั้ง 3 ประกอบกับคำของจำเลยเองว่า จำเลยได้พาอาวุธปืนแก๊ปเดี่ยวยาว 1 กระบอก จากบ้านของนายมีและเดินมาตามทางโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและพาวุธปืนติดตัวจำเลยจึงต้องมีความผิดในข้อหาฐานมีและพาอาวุธปืนตามฟ้อง ซึ่งความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นความผิดสองกรรมศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษ เมื่อลดโทษแล้วคงจำคุก 2 เดือน ชอบแล้ว

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th