คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2543
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 68
ผู้ตายให้ผู้เสียหายจอดรถจักรยานยนต์กลางสะพาน แล้วผู้ตายยืนดักคอยจำเลย เมื่อจำเลยขับรถจักรยานยนต์มาถึง ผู้ตายถีบรถจักรยานยนต์จนล้มลงและเข้าชกต่อยจำเลย ขณะนั้นเป็นเวลาวิกาล เมื่อจำเลยถูกทำร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุในลักษณะจู่โจมและเกิดขึ้นโดยทันที ทำให้จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายกับผู้เสียหาย อาจดักรอชิงรถจักรยานยนต์หรืออาจประสงค์ร้ายต่อภรรยาจำเลยที่นั่งซ้อนท้ายมาจำเลยมีรูปร่างเล็กมากไม่มีทางสู้แรงปะทะของผู้ตายและผู้เสียหายหรือหนี รอดพ้นได้การที่จำเลยซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อครัวใช้มีดทำครัวที่พกติดตัวเป็น อาวุธแทงผู้ตายเพียง 1 ที แต่บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญ ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย และเมื่อผู้เสียหายเข้ามาถีบจำเลย จำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้เสียหายได้เข้าช่วย รุมทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธมีดดังกล่าวแทงผู้เสียหายเพียง 1 ทีเช่นกัน การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,295, 91
จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 295, 68, 69 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำคุก 5 ปี 6 เดือนฐานทำร้ายผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 6 ปีคำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนตลอดจนชั้นพิจารณาของศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาว่า มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามทางนำสืบของโจทก์ผู้เสียหายได้เบิกความยอมรับว่า ผู้ตายเป็นคนก่อเรื่องขึ้นจากกรณีไม่พอใจที่มีคนมองหน้าบริเวณลานจอดรถหน้าร้านอาหาร ถึงขนาดให้ผู้เสียหายจอดรถกลางสะพาน และไม่ทันที่ผู้เสียหายจอดรถ ผู้ตายก็ลงจากรถไปก่อน แล้วยืนดักคอยรถของจำเลยที่กลางสะพานแสดงถึงความวู่วามอารมณ์ร้อนและไร้เหตุผลของผู้ตาย เมื่อจำเลยขับรถจักรยานยนต์มาถึง ผู้ตายก็แสดงตนเป็นอันธพาล ใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์จนล้มลงทั้งยังเข้าชกต่อยทำร้ายจำเลย ขณะนั้นเป็นเวลาวิกาล เมื่อจำเลยถูกทำร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ พฤติการณ์ในลักษณะจู่โจมและเกิดขึ้นโดยฉับพลันทันทีของผู้ตายย่อมมีเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจไปได้ด้วยสามัญสำนึกของคนทั่วไปว่าผู้ตายกับพวกอาจดักรอชิงรถจักรยานยนต์ หรือมิฉะนั้นก็อาจประสงค์ร้ายต่อภรรยาจำเลยที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับจำเลย ยิ่งไปกว่านั้นจากคำเบิกความของผู้เสียหายตอบคำถามค้านก็ยอมรับว่าผู้เสียหายสูง 172 เซนติเมตร ส่วนผู้ตายสูง 159 เซนติเมตร และระหว่างผู้เสียหาย ผู้ตายกับจำเลยนั้น จำเลยเตี้ยที่สุดซึ่งตรงตามภาพถ่ายที่ปรากฏในหมาย จ.13 ถึง จ.18 ว่าจำเลยมีรูปร่างเล็กมากไม่มีทางสู้แรงปะทะของผู้ตายและผู้เสียหายหรือหนีรอดพ้นจากการกระทำเยี่ยงอันธพาลของผู้ตายได้ การที่จำเลยซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อครัวใช้มีดทำครัวที่พกติดตัวเป็นอาวุธแทงผู้ตายเพียง 1 ที แต่บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย และเมื่อผู้เสียหายเข้ามาถีบจำเลย จำเลยย่อมเข้าใจไปได้เช่นกันว่าผู้เสียหายได้เข้าช่วยรุมทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธมีดดังกล่าวแทงผู้เสียหายเพียง 1 ที เช่นกัน การกระทำของจำเลยจึงหาใช่กรณีป้องกันเกินสมควรแก่เหตุดังที่โจทก์ฎีกากล่าวอ้างไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิดนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดเชียงราย จำเลย - นาย ชลอ หมูปั๋น
ชื่อองค์คณะ วิชา มหาคุณ พูนศักดิ์ จงกลนี ปัญญา สุทธิบดี
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan