ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 371

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 371 ขณะกระทำผิดจำเลยทั้งสองอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองคนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้ว ให้เรียงกระทงลงโทษ ลงโทษฐานปล้นทรัพย์จำคุกคนละ 9 ปี ฐานพาอาวุธปรับคนละ45 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม ลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปีและปรับ 30 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี 6 เดือน และปรับ21.50 บาท ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลางมีกำหนดคนละ 2 ปีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104(2) โดยให้นับการฝึกอบรมจำเลยที่ 2 ต่อจากระยะเวลาฝึกอบรมในคดีหมายเลขดำที่ 378/2535 หมายเลขแดงที่ 1737/2535 และคดีหมายเลขดำที่ 741/2535หมายเลขแดงที่ 1320/2535 ของศาลชั้นต้น และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 10,000 บาท แก่ผู้เสียหายถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้ฝึกอบรมเพิ่มคนละ 1 วันยกคำขออื่น

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี และปรับ 30 บาท เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลาง มีกำหนด 2 ปี ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534มาตรา 104(2) การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกอบรมดังกล่าวนั้นมิได้ลงโทษจำเลยที่ 1 โดยจำคุกเกิน 5 ปี ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 124 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าผู้เสียหายจำหน้าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ก็ดีคำเบิกความของผู้เสียหายและเอกสารพยานโจทก์มีพิรุธก็ดี คำเบิกความของผู้เสียหายคดีนี้แตกต่างกับคำเบิกความอีกคดีหนึ่งในข้อสำคัญก็ดีและจำเลยที่ 1 ให้การชั้นสอบสวนเพราะถูกบังคับก็ดีเป็นการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 1

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th