ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลยราคา 815,366 บาทโจทก์ชำระค่าที่ดินให้แก่จำเลยแล้วเป็นเงิน 90,000 บาท การซื้อขายที่ดินดังกล่าวแม้จะได้ทำเป็นหนังสือ แต่ไม่มีข้อความตอนใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์และจำเลยประสงค์จะให้สัญญาซื้อขายได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นโมฆะ ดังนั้นเงินที่จำเลยได้รับไป จึงเป็นการได้ไปโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ทำให้โจทก์เสียเปรียบอีกทั้งที่ดินดังกล่าวจำเลยได้โอนขายให้บุคคลอื่นแล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินที่ได้รับไปแก่โจทก์ในฐานะลาภมิควรได้ โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยได้คืนให้แก่โจทก์เพียง 1,500 บาทส่วนเงินที่เหลือจำเลยเพิกเฉย จำเลยจึงต้องคืนเงินให้แก่โจทก์จำนวน 88,500 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 93,477 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์และจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกันจริง และในวันทำสัญญาโจทก์ได้มอบเงินมัดจำค่าซื้อที่ดินให้แก่จำเลยก่อนจำนวน 90,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 725,366 บาท โจทก์สัญญาว่าจะชำระให้แก่จำเลยพร้อมทั้งจะได้จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินให้แก่โจทก์ต่อไปซึ่งในขณะทำสัญญานั้น ทั้งโจทก์และจำเลยต่างก็มีเจตนาที่จะซื้อขายที่ดินกันสัญญาที่โจทก์ทำกับจำเลยจึงสมบูรณ์ไม่เป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนเงิน53,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อที่ดินจากจำเลยในราคา 815,366 บาท โจทก์ได้วางมัดจำให้จำเลยไว้90,000 บาท ต่อมาโจทก์ผิดสัญญาไม่ซื้อที่ดินจากจำเลย ปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยมีว่า ศาลมีอำนาจลดเงินมัดจำลงเป็นจำนวนพอสมควรโดยถือว่าเงินมัดจำมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 เงินมัดจำเป็นเงินประกันการที่จะปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งตามมาตรา 378 กำหนดไว้ว่าหากผู้วางมัดจำผิดสัญญาก็ให้ริบ หากผู้รับมัดจำผิดสัญญาก็ให้ส่งคืน เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ทั้งนี้มิได้ถือเอาความเสียหายของผู้รับมัดจำมาเป็นหลักประกอบการพิจารณาในการริบมัดจำ ส่วนเงินเบี้ยปรับนั้นตามมาตรา 379 เป็นจำนวนค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดกันไว้ล่วงหน้าในเมื่อมีการไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามสัญญา และในการริบเบี้ยปรับ มาตรา 383 ก็ให้ถือเอาทางได้ทางเสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายเป็นหลักในการพิจารณาว่าจะริบเบี้ยปรับทั้งหมดหรือจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควร จึงเห็นได้ว่าเงินมัดจำกับเงินเบี้ยปรับมีลักษณะคนละอย่างที่ไม่เหมือนกัน มัดจำจึงไม่มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ศาลจึงไม่มีอำนาจลดเงินมัดจำลงได้อย่างเบี้ยปรับ เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ซื้อที่ดินจากจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิริบเงินมัดจำทั้งหมด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลดมัดจำให้โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th