สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6588/2538

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6588/2538

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1375 วรรคสอง, 1377

จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อเดือนสิงหาคมหรือกันยายน2532แต่โจทก์ยื่นฟ้องเอาคืนการครอบครองเมื่อวันที่13พฤศจิกายน2533ซึ่งเกินกว่า1ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองโจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375วรรคสอง ระหว่างที่จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองแม้โจทก์จะรื้อถอนกระท่อมที่จำเลยปลูกแล้วก็ตามแต่จำเลยก็ยังไม่ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทกรณีจึงไม่ต้องเริ่มนับระยะเวลาการแย่งการครอบครองใหม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินมือเปล่าจำนวน2 แปลง ตั้งอยู่หมู่ที่ 13 ตำบลคำน้ำแชบ อำเภอวารินชำราบจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อประมาณกลางปี 2533 จำเลยได้บุกรุกเข้ามารบกวนการครอบครองที่ดินทั้งสองของโจทก์ โดยเข้าล้อมรั้วลวดหนามและปลูกพืช โจทก์ได้รื้อลวดหนามของจำเลยออก และห้ามจำเลยบุกรุกเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีก แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยหรือบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยซื้อมาจากผู้มีสิทธิครอบครอง จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์มาตั้งแต่ปี2531 โจทก์ทราบว่าจำเลยได้ครอบครองตั้งแต่เดือนกันยายน 2532โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครอง จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืน ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าโจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินกว่า1 ปี หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมหรือกันยายน 2532 แต่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน2533 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี นับแต่ถูกจำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า โจทก์รื้อถอนกระท่อมที่จำเลยปลูกในที่ดินพิพาทการกระทำของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะบุกรุกเข้าครอบครองอีกก็ต้องเริ่มนับเวลาแย่งการครอบครองใหม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหลังจากโจทก์รื้อถอนกระท่อมที่จำเลยปลูกแล้ว จำเลยก็ยังไม่ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาท จึงไม่เริ่มนับเวลาการแย่งการครอบครองใหม่ ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยแต่อย่างใด

พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง บังอร สุวรรณลีลา จำเลย - นาง จินตหรา สะอาดยิ่ง

ชื่อองค์คณะ ชลอ ทองแย้ม ประสิทธิ์ แสนศิริ ทวิช กำเนิดเพ็ชร์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th