สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6691/2559

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6691/2559

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 583 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ม. 119 วรรคหนึ่ง (4) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 49

โจทก์เป็นผู้จัดการสาขาของจำเลย เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากจำเลยให้เป็นผู้บริหารระดับสูงจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการเงินโดยเคร่งครัดเพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาและป้องปรามมิให้เกิดการทุจริต การที่โจทก์เบิกเงินค่าใช้จ่ายจำนวน 1,400 บาท โดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจตามระเบียบของจำเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 วรรคหนึ่ง (4) จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 28,036 บาท คืนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 58,347 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี 12,388 บาท ค่าชดเชย 195,600 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 15 ทุกระยะเวลา 7 วัน ดอกเบี้ยและเงินเพิ่มทุกจำนวนนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 1,400,000 บาท แก่โจทก์

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 195,600 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 7 พฤษภาคม 2552) จนกว่าจะชำระเสร็จ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 28,036 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 7 พฤษภาคม 2552) จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าเสียหาย 200,000 บาท เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 58,347 บาท แก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2539 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้จัดการสาขาเลียบคลองสี่วา เงินเดือนเดือนละ 19,573 บาท โจทก์เบิกเงินค่าใช้จ่ายจำนวน 1,400 บาท ไปใช้เป็นค่ารถให้พนักงานไปรับเช็คช่วยชาติ โดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจแต่ได้กรอกข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์แล้ว หลังจากหน่วยตรวจสอบการดำเนินการภายในเข้าตรวจสอบโจทก์ฉีกเอกสารกำกับจำนวนเงินที่เก็บเข้าตู้เซฟบางส่วน

ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ข้อแรกของจำเลยว่า การที่โจทก์เบิกเงินค่าใช้จ่ายจำนวน 1,400 บาท โดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่า การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินซึ่งจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจเสียก่อน โจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการสาขาของจำเลย ได้รับความไว้วางใจจากจำเลยให้เป็นผู้บริหารระดับสูงจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการเงินโดยเคร่งครัดเพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นและเป็นการป้องปรามมิให้เกิดการทุจริตในภายหน้า การฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์เช่นนี้ ถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างดังกล่าว ทั้งไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 วรรคหนึ่ง (4) สำหรับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ได้หักค่าจ้างส่วนนี้ของโจทก์และไม่ต้องจ่ายคืนแก่โจทก์เพราะเหตุใด ทั้งทางนำสืบของโจทก์และจำเลยก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามนั้นว่า จำเลยหักค่าจ้างโจทก์เพื่อส่งเข้ากองทุนดังกล่าว เงินส่วนนี้จึงเป็นเงินของโจทก์ ดังนั้นเมื่อมีการเลิกจ้างโจทก์ จำเลยจะต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน สำหรับอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ร.739/2553

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสาวนพรัตน์ กล่อมประเสริฐ จำเลย - บริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด

ชื่อองค์คณะ บูรณ์ ฐาปนดุลย์ นิยุต สุภัทรพาหิรผล วิชัย เอื้ออังคณากุล

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแรงงานกลาง - นายเกื้อ วุฒิปวัฒน์

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th