ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจร่วมกันเป็นคนร้ายลักโค 2 ตัว ราคา 2,700 บาทของนายเงิน พิมพ์ใหม่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357 และ 83 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยลักโครายนี้จริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี กับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 2,700 บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สงสัยพยานโจทก์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยคัดค้านว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2508 โจทก์ฎีกาเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2509 ขาดอายุฎีกาแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อคัดค้านของจำเลยปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2508 ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เซ็นทราบการฟังคำพิพากษาในวันนั้นด้วยจนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2508 ความจึงปรากฏขึ้นว่าจำเลยได้ลงชื่อในการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้เรียกโจทก์มาทราบคำพิพากษา และได้มีบันทึกว่า โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 28 ธันวาคม 2508 ดังนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 บัญญัติว่า คู่ความมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้คู่ความฝ่ายฎีกาฟัง คดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายฎีกาจะเริ่มนับอายุฎีกาแต่วันที่จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังจำเลยคัดค้านไม่ได้ ต้องนับตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2508 อันเป็นวันที่โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ยื่นฎีกาในวันที่ 7 มกราคม 2509 ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่โจทก์ได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เช่นนี้ฎีกาโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ข้อเท็จจริงศาลฎีกาฟังได้เช่นเดียวกันกับศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









