สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2543

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2543

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 148 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 153

คดีก่อนโจทก์นำมูลหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 144/2532 มาฟ้องขอให้จำเลย ล้มละลาย และศาลฎีกาได้หยิบยกเอาที่ดินที่จำเลยมีกรรมสิทธิ์รวมกับบุคคลอื่นขึ้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีทรัพย์สินที่โจทก์อาจยึดมาชำระหนี้ได้ กรณีไม่ต้องด้วยเหตุที่กฎหมายสันนิษฐานว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวจึงยกฟ้อง ต่อมาโจทก์นำเอา มูลหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 144/2532 มาฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายอีก โดยอ้างว่านำยึดที่ดินดังกล่าวแล้วแต่ติดจำนองและไม่มีผู้เข้าประมูล อีกทั้งหากขายได้ก็จะได้เงินส่วนของจำเลยไม่พอชำระหนี้ ดังนี้ หนี้สินและทรัพย์สินที่โจทก์กล่าวในฟ้องล้วนแต่เป็นหนี้สินและทรัพย์สินที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้แล้วในคดีก่อน จึงเป็นการที่โจทก์รื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่วินิจฉัยไว้แล้วในคดีก่อน เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 ประกอบ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย

จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษากลับ ให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ในคดีล้มละลายศาลจะต้องพิจารณาให้ได้ความจริงว่าจำเลยเป็นผู้มี หนี้สินล้นพ้นตัว คือ มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน ประเด็นพิพาทจึงมีว่า จำเลยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินหรือไม่ เมื่อคดีก่อน โจทก์นำมูลหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๔๔/๒๕๓๒ มาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสอง ล้มละลาย และศาลฎีกาได้หยิบยกเอาที่ดินที่จำเลยที่ ๑ มีกรรมสิทธิ์รวมกับบุคคลอื่นขึ้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ มีทรัพย์สินที่โจทก์อาจยึดมาชำระหนี้ได้ กรณีไม่ต้องด้วยเหตุที่กฎหมายสันนิษฐานว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ต่อมาโจทก์กลับนำเอามูลหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๔๔/๒๕๓๒ มาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายอีก โดยอ้างว่า นำยึดที่ดินดังกล่าวแล้วแต่ที่ดินติดจำนองและไม่มีผู้เข้าประมูล อีกทั้งหากขายได้ก็ได้เงินส่วนของจำเลยที่ ๑ ไม่พอชำระหนี้ ดังนี้ หนี้สินและทรัพย์สินที่โจทก์กล่าวในคำฟ้องล้วนแต่เป็นหนี้สินและทรัพย์สินที่ศาลฎีกา ได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาคดีก่อน จึงเป็นการที่โจทก์รื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๘ ประกอบ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๓

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญไทยวัสดุก่อสร้าง จำเลย - จ่าสิบตำรวจวุฒินันท์ จันทร์หอม กับพวก

ชื่อองค์คณะ ชวลิต ยอดเณร จำลอง สุขศิริ สมชาย พงษธา

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดชลบุรี - นางอุไรลักษณ์ ลีธรรมชโย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 - นายชวลิต สุจริตกุล

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE