ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(1) จำคุก2 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่าเช็คพิพาทคือเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาตรัง ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2539 จำนวนเงิน 188,000 บาท มีจำเลยเป็นผู้ออกเช็คโดยลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย ต่อมาวันที่ 17 มิถุนายน 2539 ผู้เสียหายซึ่งครอบครองเช็คพิพาทนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินแล้ว แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย ระหว่างวันที่ 25พฤษภาคม 2539 ถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2539 จำเลยมีเงินอยู่ในบัญชีเพียง 343 บาท คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้เห็นว่า โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อไปจากผู้เสียหาย แต่สัญญาเช่าซื้อนั้นต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 572 วรรคสอง สำหรับสำเนาใบขอเช่าซื้อรถยนต์ตามเอกสารหมาย จ.3 ที่จำเลยทำขึ้นเสนอต่อผู้เสียหายคงเป็นเพียงคำเสนอขอเช่าซื้อรถยนต์เท่านั้น มิได้มีลักษณะเป็นสัญญาเช่าซื้อแต่อย่างใด ส่วนหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ตามเอกสารหมาย ล.1 เป็นสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างบริษัทธนบุรีพานิชลิสซิ่ง จำกัด กับจำเลย ซึ่งแม้จะปรากฏว่ารถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากบริษัทธนบุรีพานิชลิสซิ่ง จำกัด เป็นรถยนต์ยี่ห้อ สี หมายเลขเครื่องและหมายเลขตัวถังอย่างเดียวกันกับรถยนต์ตามสำเนาใบขอเช่าซื้อรถยนต์ เอกสารหมาย จ.3 ก็ตาม แต่ผู้เสียหายก็มิได้เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย ข้อตกลงระหว่างผู้เสียหายกับบริษัทธนบุรีพานิชลิสซิ่ง จำกัด จะมีอยู่อย่างไร ก็ไม่ทำให้ผู้เสียหายกลายเป็นคู่สัญญากับจำเลยไปได้ เมื่อโจทก์ไม่มีสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่บังคับได้ตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระเงินดาวน์หรือค่าเช่าซื้อรถยนต์ให้ผู้เสียหาย และพิพากษายกฟ้องเสียนั้น ศาลฎีกาคงเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th