คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 675/2543
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 292
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากสถานที่เช่าคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย การที่จำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์และจำเลยต่างถูกบริษัท ต. เจ้าของที่พิพาทฟ้องขับไล่ออกจากที่พิพาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลย การบังคับคดีนี้ย่อมไร้ผล จึงเป็นเรื่องขอให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งตามสมควรแก่รูปคดี
จำเลยได้ใช้วิธีการต่าง ๆ ในเชิงคดีที่จะประวิงการบังคับคดีตามคำพิพากษาให้เนิ่นช้าตลอดมา โดยเฉพาะในคดีที่บริษัท ต. ฟ้องขับไล่โจทก์ เป็นเรื่องระหว่างบริษัท ต. กับโจทก์ ไม่กระทบสิทธิในการบังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ ส่วนการที่จำเลยได้ยื่นข้อเสนอขอทำสัญญาเช่าที่พิพาท และเสนอผลประโยชน์แก่บริษัท ต. เป็นข้ออ้างของจำเลยเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ปรากฏว่าบริษัท ต. ได้ตกลงยินยอมด้วย และแม้ข้อเสนอหรือข้อตกลงกับบริษัท ต. หากจะพึงมี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จำเลยไม่อาจยกขึ้นใช้ยันโจทก์ในชั้นนี้ได้ ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยจึงไม่เป็นเหตุที่จะยกขึ้นอ้างเพื่องดการบังคับคดีนี้ได้
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากสถานที่เช่า พร้อมส่งมอบที่เช่าคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยให้จำเลยชำระค่าปรับวันละ 7,000 บาท นับแต่วันที่ 30 กันยายน 2539 จนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากสถานที่เช่าและส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืนแก่โจทก์ และให้จำเลยที่ 2ชำระเงินค่าเช่าที่ค้างชำระจำนวน 320,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 กันยายน 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ทราบคำบังคับแล้ว มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงดำเนินการบังคับคดี และมีการจับกุมจำเลยที่ 1 พร้อมบริวาร จำเลยที่ 1 พร้อมบริวารได้มีการประกันตัวไปวันที่ 30 กรกฎาคม 2541
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินจากบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัดแล้วนำที่ดินให้จำเลยทั้งสองเช่าช่วงด้วยความยินยอมของบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัดก่อนสัญญาเช่าช่วงสิ้นสุดลง โจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 ต่อมาบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด ได้มีหนังสือลงวันที่ 17 ธันวาคม 2539 บอกเลิกสัญญาเช่าแก่โจทก์ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะได้ใช้หรือรับประโยชน์จากทรัพย์ที่เช่าต่อไป นอกจากนี้บริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด ได้ยื่นฟ้องขับไล่โจทก์และจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 1 อาจมีข้อต่อสู้หรือมีหนทางเจรจากับบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด เพื่ออยู่ในที่พิพาทต่อไป จึงขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุสมควรที่จะงดการบังคับคดีหรือไม่ ปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1ต่างถูกบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด เจ้าของที่พิพาทฟ้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ขับไล่ออกจากที่พิพาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1 การบังคับคดีนี้ย่อมไร้ผล เห็นว่าคำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องขอให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งตามสมควรแก่รูปคดี สำหรับคดีนี้จำเลยที่ 1ได้ใช้วิธีการต่าง ๆ ในเชิงคดีที่จะประวิงการบังคับคดีตามคำพิพากษาให้เนิ่นช้าตลอดมาโดยเฉพาะในคดีที่บริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด ฟ้องขับไล่โจทก์นั้นเป็นเรื่องระหว่างบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด กับโจทก์ ไม่กระทบสิทธิในการบังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ได้ยื่นข้อเสนอขอทำสัญญาเช่าที่พิพาท และเสนอผลประโยชน์แก่บริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด ตามที่จำเลยที่ 1กล่าวอ้างมาในฎีกา เป็นข้ออ้างของจำเลยที่ 1 เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ปรากฏว่าบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด ได้ตกลงยินยอมด้วย และแม้ข้อเสนอหรือข้อตกลงกับบริษัทเตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด หากจะพึงมีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ไม่อาจยกขึ้นใช้ยันโจทก์ในชั้นนี้ได้ จึงหาเป็นเหตุที่จำเลยที่ 1 จะยกขึ้นอ้างเพื่องดการบังคับได้ไม่คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2524 ที่จำเลยที่ 1 อ้างมานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัทโรงพยาบาล มิตรภาพวงเวียนใหญ่ จำกัด จำเลย - นาง เบญจา พวงอินทร์ กับพวก
ชื่อองค์คณะ ณรงค์ศักดิ์ วิจิตรสาระวงศ์ จำรูญ แสนภักดี วสันต์ ตรีสุวรรณ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan