สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6779/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6779/2539

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 329

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา329ในกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้รายเดียวแต่ว่ามีทั้งหนี้ประธานและหนี้อุปกรณ์เมื่อลูกหนี้ชำระหนี้โดยไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดจะต้องจัดสรรชำระหนี้อุปกรณ์ก่อนเมื่อตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลและใบเสร็จรับเงินมิได้ระบุให้จัดใช้เป็นการชำระหนี้ต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานก่อนจึงต้องเอาเงินจำนวนดังกล่าวจัดใช้หนี้ดอกเบี้ยอันเป็นหนี้อุปกรณ์ก่อน

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 302,082 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดจนกว่าชำระหนี้เสร็จ

จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 302,082 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ของต้นเงิน 43,334 บาท นับแต่วันที่1 กันยายน 2536 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2537 วันที่ 11 มีนาคม 2537ของต้นเงิน 22,080 บาท นับแต่วันที่ 19 ตุลาคม ของต้นเงิน 50,000บาท นับแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2536 วันที่ 14 ธันวาคม 2536วันที่ 11 มกราคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ทั้งนี้คำนวณถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2537 ซึ่งเป็นวันฟ้องให้ไม่เกิน 29,602 บาท

จำเลยอุทธรณ์ว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 17 มีนาคม2538 จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ 100,000 บาท และจำเลยได้ส่งใบเสร็จรับเงินดังกล่าวตามเอกสารหมาย ล.1 เป็นหลักฐาน หนี้ตามคำพิพากษา จึงควรเหลือ 202,082 บาท ไม่ใช่ 302,082 บาท ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน230,400 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 17 มีนาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าเงินจำนวน 100,000 บาทที่จำเลยชำระให้แก่โจทก์ระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2538 ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.1 จำเลยมุ่งประสงค์จะชำระหนี้ต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานของโจทก์มิได้บอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้จึงต้องนำเงิน 100,000 บาท ไปหักจากหนี้ต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานก่อนนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 329 บัญญัติว่า "ถ้านอกจากการชำระหนี้อันเป็นประธานลูกหนี้ยังจะต้องชำระดอกเบี้ยและเสียค่าฤชาธรรมเนียมอีกด้วยไซร์หากการชำระหนี้ในครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ได้ราคาเพียงพอจะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด ท่านให้เอาจัดใช้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมเสียก่อนแล้วจึงใช้ดอกเบี้ยและในที่สุดจึงให้ใช้ในการชำระหนี้อันเป็นประธาน

ถ้าลูกหนี้ระบุให้จัดใช้เป็นประการอื่น ท่านว่าเจ้าหนี้จะบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ก็ได้" ตามบทบัญญัติดังกล่าวในกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้รายเดียวแต่ว่ามีทั้งหนี้ประธานและหนี้อุปกรณ์ เมื่อลูกหนี้ชำระหนี้โดยไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด จะต้องจัดสรรชำระหนี้อุปกรณ์ก่อน เมื่อตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 17 มีนาคม 2538และใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.1 มิได้ระบุให้จัดใช้เป็นการชำระหนี้ต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานก่อน จึงเอาเงินจำนวนดังกล่าวจัดใช้หนี้ดอกเบี้ยอันเป็นหนี้อุปกรณ์ก่อน

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท เค้นท์มอเตอร์เวอคส์ จำกัด จำเลย - นาง กัญญา แซ่ตั้ง

ชื่อองค์คณะ ทองเลื่อน พูลพิพัฒน์ ปรีชา เฉลิมวณิชย์ บรรเทิง มุลพรม

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th