คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2522
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ม. 3
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497มาตรา 3 คำว่า 'ผู้ใดออกเช็ค' มิได้หมายความว่าผู้ที่จะมีความผิดคือผู้ที่ออกเช็คเท่านั้น แต่อาจจะมีผู้ที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็ค และถือว่าเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจร่วมกันออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมรถยนต์ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2เป็นผู้สลักหลัง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยที่ 1 และสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ชั่วคราว
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์และจำเลยที่ 2 แถลงรับกันว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ใช้คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ซึ่งหมายความเฉพาะผู้สั่งจ่ายเท่านั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงผู้สลักหลังเช็คย่อมไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า"ผู้สลักหลังเช็คมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 หรือไม่"
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จะใช้คำว่าผู้ใดออกเช็ค แต่มิได้หมายความว่าผู้ที่จะมีความผิดตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวคือผู้ที่ออกเช็คเท่านั้น ส่วนผู้ที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็คไม่มีความผิด อาจจะมีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็ค และถือว่าผู้ที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็คเป็นตัวการเช่นเดียวกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจร่วมกันออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมรถยนต์โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2เป็นผู้สลักหลัง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ซึ่งศาลชั้นต้นได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีของโจทก์มีมูลและสั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว จึงต้องฟังพยานหลักฐานต่อไปว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดตามโจทก์ฟ้องหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายวิชัย วงศ์สืบชาติ จำเลย - นายสมชาย ทองนาค กับพวก
ชื่อองค์คณะ มงคล วัลยะเพ็ชร์ สนิท อังศุสิงห์ สันติ์ ธีรนิติ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan