สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6903/2559

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6903/2559

ประมวลรัษฎากร ม. 8

ป.รัษฎากร มาตรา 8 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "หมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร หรือหนังสืออื่นซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะนี้ ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ…" การที่จำเลยส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่โจทก์โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2553 กำหนดไว้ในหมวด 6 ระบบงานไปรษณีย์ การนำจ่ายสิ่งของทางไปรษณีย์ ข้อ 64 ว่า ในกรณีนำจ่าย ณ ที่อยู่ของผู้รับ การสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่าบุคคลต่อไปนี้เป็นผู้แทนของผู้รับ คือ 64.3 เจ้าหน้าที่รับรองหรือผู้ดูแลของโรงแรมหรืออาคาร 64.4 ผู้ทำหน้าที่เวรรับส่งหรือเวรรักษาการณ์ของหน่วยงานหรืออาคารหลายชั้นต่าง ๆ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ได้นำหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลไปส่งให้แก่โจทก์ที่อาคารเลขที่ 255/6 รัชดาเพรสทีจ คอนโดมิเนียม ตรงตามที่อยู่ของโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ โดยมี น. เจ้าหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับไว้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 จึงถือได้ว่าได้มีการจ่ายหนังสือแจ้งการประเมินให้แก่ผู้แทนของโจทก์แล้วในวันดังกล่าว โจทก์จึงต้องยื่นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ตามมาตรา 30 แต่โจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 เกินกำหนดเวลา 30 วัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการประเมิน

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ กค. 0706/ก3/9304 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2554 และคำสั่งประเมินภาษีของเจ้าพนักงานประเมินที่ กค. 0706.01/3.ก04/ภงด. 73.1 - 02010170 - 25530611 200 - 00004 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2553 หรือเพิกถอนคำสั่งใด ๆ ของจำเลยอันเกี่ยวกับการที่ให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมของรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนด ค่าทนายความ 5,000 บาท

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันรับฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการรับจ้างสำรวจภัยให้แก่บริษัทประกันภัยต่าง ๆ สำนักงานของโจทก์ตั้งอยู่เลขที่ 255/6 อาคารรัชดาเพรสทีจ คอนโดมิเนียม ถนนลาดพร้าว ซอยพิบูลย์อุปถัมภ์ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จำเลยมีหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลโจทก์สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 71 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เป็นเงินภาษีที่ต้องชำระ 504,702.97 บาท หักภาษีที่ชำระไว้ตามแบบ ภ.ง.ด. 50 จำนวน 311,492.18 บาท คงมีภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติม 193.210.79 บาท พร้อมเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร 72,454.05 บาท รวม 265,664.84 บาท เจ้าพนักงานของจำเลยส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่โจทก์ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับภายในประเทศ ณ ที่ทำการเลขที่ 255/6 อาคารรัชดาเพรสทีจ คอนโดมิเนียม ซอยพิบูลย์อุปถัมภ์ ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางหรือนางสาวนันท์นภัส เจ้าหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้รับแทน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 โจทก์อุทธรณ์การประเมินเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม 2553 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายกำหนดเวลาอุทธรณ์ต่ออธิบดีของจำเลย จำเลยมีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าไม่อนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาการอุทธรณ์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายกำหนดเวลาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 8 สิงหาคม 2554 แจ้งโจทก์ว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร และไม่ได้รับอนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามมาตรา 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงไม่รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายอุทธรณ์ของโจทก์ออกจากทะเบียน

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 หรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีพิพาทให้แก่บุคคลอื่นที่มิใช่พนักงานหรือลูกจ้างหรือบุคคลผู้อยู่ในสำนักงานของโจทก์ แต่ส่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลอาคารชุดหรือนิติบุคคลอาคารชุดเพรสทีจ คอนโดมิเนียม การส่งหนังสือแจ้งการประเมินจึงไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากร มาตรา 8 วรรคหนึ่ง การที่ศาลภาษีอากรกลางนำข้อกำหนดของไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2553 โดยอาศัยพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ.2477 มาตรา 22 และพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 มาตรา 4 มาปรับใช้กับการส่งหมายเรียกและส่งหนังสือแจ้งภาษีนั้นไม่ชอบ เพราะมาตรา 8 แห่งประมวลรัษฎากร ได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะแล้ว พิเคราะห์ประมวลรัษฎากร มาตรา 8 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "หมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร หรือหนังสืออื่นซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะนี้ ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือให้เจ้าพนักงานสรรพากรนำไปส่ง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้น ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานของผู้รับจะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว และอยู่หรือทำงานในบ้านหรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของผู้รับนั้นก็ได้" ดังนั้น การที่จำเลยส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่โจทก์โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินดังกล่าวเมื่อใด เห็นว่า ไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2553 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ.2477 ประกอบมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิ และประโยชน์ของบริษัทไปรษณีย์ จำกัด พ.ศ.2546 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป กำหนดไว้ในหมวด 6 ระบบงานไปรษณีย์ การนำจ่ายสิ่งของทางไปรษณีย์ข้อ 64 ว่า ในกรณีนำจ่าย ณ ที่อยู่ของผู้รับ การสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่าบุคคลต่อไปนี้เป็นผู้แทนของผู้รับ คือ 64.1 บุคคลซึ่งอยู่ในบ้านเรือนเดียวกันกับผู้รับ 64.2 บุคคลซึ่งทำงานอยู่ในสถานที่เดียวกันกับผู้รับ 64.3 เจ้าหน้าที่รับรองหรือผู้ดูแลของโรงแรมหรืออาคาร 64.4 ผู้ทำหน้าที่เวรรับส่งหรือเวรรักษาการณ์ของหน่วยงานหรืออาคารหลายชั้นต่าง ๆ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ได้นำหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลไปส่งให้แก่โจทก์ที่อาคารเลขที่ 255/6 รัชดาเพรสทีจ คอนโดมิเนียม ซอยพิบูลย์อุปถัมป์ ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ตรงตามที่อยู่ของโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ โดยมีนางหรือนางสาวนันท์นภัส เจ้าหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับไว้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 จึงถือได้ว่าได้มีการจ่ายหนังสือแจ้งการประเมินให้แก่ผู้แทนของโจทก์แล้วในวันดังกล่าว โจทก์จึงต้องยื่นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร แต่โจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 เกินกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการประเมิน ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ภษ.83/2556

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท จีเค แอนด์ อาร์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด จำเลย - กรมสรรพากร

ชื่อองค์คณะ อดิเทพ ถิระวัฒน์ ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ภาภูมิ สรอัฑฒ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลภาษีอากรกลาง - นายวรพจน์ อินทวดี

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th