สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2538

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2538

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 340 วรรคสอง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 227 วรรคหนึ่ง

จำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ว่าจ้างผู้เสียหายขับรถยนต์รับจ้างไปส่งที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุจำเลยที่3ซึ่งนั่งรวมอยู่กับจำเลยที่4ถึงที่7ด้านหลังลงมาช่วยจำเลยที่1และที่2ปลดทรัพย์ผู้เสียหายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่5ถึงที่7ได้ในลักษณะที่ตัวจำเลยที่5ถึงที่7เปรอะเปื้อนและเปียกส่วนจำเลยที่4ตามจับได้ตามคำซัดทอดของผู้ถูกจับได้ก่อนขณะเกิดเหตุจำเลยที่4ถึงที่7ไม่ห้ามปรามจำเลยที่1ถึงที่3ทั้งยังแยกย้ายกันหลบหนีพยานหลักฐานโจทก์ฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดฟังได้ว่าจำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งเจ็ดมีมีด 1 เล่ม ติดตัวไปว่าจ้างผู้เสียหายซึ่งขับรถรับจ้างให้ไปส่ง จากนั้นได้ร่วมกันปล้นเงินสดจำนวน 900 บาท วิทยุเทปติดรถยนต์จำนวน 1 เครื่อง ราคา 4,000 บาทรวมราคา 4,900 บาท ของผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งเจ็ดได้พร้อมยึดเงินสดจำนวน 900 บาท และวิทยุเทปติดรถยนต์จำนวน 1 เครื่อง ของผู้เสียหายที่จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันปล้นไป และมีดจำนวน 1 เล่ม ที่จำเลยทั้งเจ็ดใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 340, 33 และริบมีดของกลาง

จำเลยทั้งเจ็ดให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ลงโทษจำคุกคนละ12 ปี จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกคนละ 6 ปี และริบมีดของกลาง ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7

โจทก์ อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 83 ลงโทษจำคุกคนละ 12 ปี จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกคนละ 6 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ร่วมกันปล้นทรัพย์เงินสดจำนวน 900 บาท วิทยุเทปติดรถยนต์จำนวน 1 เครื่องราคา 4,000 บาท ไปจากผู้เสียหายโดยทุจริตปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 มีเพียงว่า จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ปล้นทรัพย์ผู้เสียหายหรือไม่ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ร่วมกับจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 ว่าจ้างผู้เสียหายให้ขับรถยนต์รับจ้างไปส่งที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ซึ่งนั่งรวมอยู่กับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7ด้านหลัง ลงมาช่วยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ปลดทรัพย์ผู้เสียหายหลังเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ได้โดยลักษณะที่ตัวจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 เประเปื้อนและเปียก ส่วนจำเลยที่ 4ตามจับได้จากคำซัดทอดของผู้ถูกจับได้ก่อน ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 4ถึงที่ 7 มิได้ห้ามปรามจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ทั้งยังแยกย้ายกันหลบหนีพยานหลักฐานโจทก์ฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดแล้วคดีโจทก์เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจริง ฎีกาจำเลยที่ 4ถึงที่ 7 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดปทุมธานี จำเลย - นาย สมคิด วอนอก กับพวก

ชื่อองค์คณะ ปราโมทย์ ชพานนท์ อุระ หว้งอ้อมกลาง เสริม บุญทรงสันติกุล

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th