ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,312,788.45 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 1,662,855.78 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 33,868 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้จำเลยที่ 2 รับผิดเป็นเงิน 1,117,525.10 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 816,020.96 บาทและดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 416 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 3 รับผิดในจำนวนเงิน 186,177.58 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีของต้นเงิน 136,003.48 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้โจทก์จนครบ ในส่วนของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้บังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความลงวันที่ 20 ธันวาคม 2536

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์สรุปได้ว่า จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ไม่เกินต้นเงิน 600,000 บาท นับแต่วันทำบันทึกครั้งสุดท้ายคือวันที่ 2 มิถุนายน 2532 คำนวณดอกเบี้ยถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2534 เป็นเงิน 180,000 บาท รวมเป็นเงิน 780,000 บาทขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับหรือแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีหรือตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1จะเห็นสมควร

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับหรือแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ ให้จำเลยที่ 2 นำค่าขึ้นศาลมาชำระให้ครบถ้วนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ภายใน 5 วันนับแต่วันนี้มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ และต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายระยะเวลาการชำระค่าขึ้นศาลออกไปจนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2537

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 ฎีกาคำสั่ง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่าคดีที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์เป็นเงิน 1,117,525.10 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน816,020 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 416 บาท จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ไม่เกินต้นเงิน 600,000 บาท นับแต่วันทำบันทึกครั้งสุดท้ายคือวันที่ 2 มิถุนายน 2534 เป็นเงิน 180,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 780,000 บาท ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับหรือแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีหรือตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะเห็นสมควร ดังนี้เป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คัดค้านจำนวนเงินที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการพิพาทกันในเรื่องทรัพย์สิน จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ จำเลยที่ 2 จะต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 วรรคสอง

เนื่องจากระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยที่ 2 นำค่าขึ้นศาลที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์มาชำระสิ้นสุดแล้ว จึงเห็นสมควรให้จำเลยที่ 2 มีเวลาปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวอีกระยะหนึ่ง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 นำค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนดนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th