ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดแต่สอดเข้าจัดกิจการของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกันรับผิดชอบในหนี้สินของจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวน เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2533จำเลยทั้งสามได้แต่งตั้งและยินยอมให้นางยุพาเป็นตัวแทนเสนอขายรถยนต์จำนวน 2 คัน ให้แก่โจทก์ โจทก์ตกลงจะซื้อรถยนต์นั้นไว้โดยทำสัญญาวางเงินมัดจำให้แก่จำเลยทั้งสามไว้จำนวน 100,000 บาท แต่สัญญาซื้อขายจะทำภายหลังเป็นหนังสือเมื่อมิได้ทำสัญญาซื้อขายรถยนต์เป็นหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์จึงยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเพียงคำเสนอขายรถยนต์ของฝ่ายจำเลยเท่านั้น จำเลยทั้งสามและนางยุพาตกลงว่าจะหาแหล่งเงินกู้ให้โจทก์เพื่อนำมาซื้อรถยนต์ดังกล่าวแต่จำเลยทั้งสามและนางยุพาแหล่งเงินกู้ไม่ได้โจทก์จึงไม่ประสงค์จะซื้อรถยนต์จากจำเลยทั้งสาม และได้บอกปัดคำเสนอขายรถยนต์ของจำเลยทั้งสามขอให้คืนเงินมัดจำแก่โจทก์แต่จำเลยทั้งสามไม่ยอมขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงินมัดจำจำนวน 100,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสามให้การว่า นางยุพาไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามไม่เคยตกลงว่าจะหาแหล่งเงินกู้ให้แก่โจทก์ ใบเสร็จรับเงินมัดจำเป็นหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ที่สมบูรณ์ ไม่ต้องทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสืออีกโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขาย จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินมัดจำคืนโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 100,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นรับเฉพาะอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ถึงจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย โดยวินิจฉัยว่าหนี้ตามฟ้องเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ชอบหรือไม่เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าได้ตกลงซื้อรถทัวร์จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ 2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดแต่ได้สอดเข้าไปจัดการงานของจำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดร่วมกันคืนเงินมัดจำจำนวน 100,000 บาทจำเลยทั้งสามจึงเป็นลูกหนี้ร่วมของโจทก์ ดังนั้น จึงเป็นการชำระหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องไปถึงจำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งไม่อุทธรณ์ด้วยจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th