ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก.เลขที่ 1899 โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองเพื่อประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยแก่ธนาคารกรุงเทพฯ ต่อมาโจทก์จะไถ่ถอนจำนองและขอรับ น.ส.3 ก. คืน ปรากฎว่าจำเลยได้ชำระหนี้เงินยืมและรับ น.ส.3 ก. คืนจากธนาคารไปก่อนแล้วขอให้บังคับจำเลยส่งมอบ น.ส.3 ก. คืนโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ และชดใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของจำเลยเมื่อทางราชการสำรวจรังวัดออก น.ส.3 ก. จำเลยสมรู้กับโจทก์ให้โจทก์แสดงตนเป็นผู้ครอบครองแจ้งการครอบครองต่อสำนักงานที่ดินอำเภอ เพื่อปกปิดเจ้าหนี้ จำเลยมิให้ยึดที่ดินจำเลยภายหลังเมื่อที่ดินมี น.ส. 3 ก. เมื่อโจทก์ได้ น.ส.3 ก. แล้วโจทก์มอบ น.ส.3 ก. ให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์แก้ชื่อใน น.ส.3 ก. เลขที่ 1899 เป็นชื่อจำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีความเสียหาย ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งเฉพาะคำฟ้องส่วนที่ว่า จำเลยสมรู้กับโจทก์ในการแจ้งการครอบครองที่ดินไว้พิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องและฟ้องแย้ง

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากนายเทพชัย ปัญญาโน และจำเลยครอบครองที่ดินมาโดยตลอด ส่วนโจทก์มีชื่อเป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเพราะโจทก์รับสมอ้างไปดำเนินการแทนจำเลยเท่านั้นแสดงว่ามีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในนามโจทก์ทั้งที่โจทก์มิได้เป็นผู้ซื้อและครอบครองที่ดินพิพาท เป็นการออกโดยฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวจึงไม่มีผลเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินทั้งโจทก์และจำเลยต่างไม่มีสิทธิจะใช้ประโยชน์จากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้ ที่จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยมิใช่ประเด็นข้อพิพาท เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกเหนือจากที่ปรากฎในคำฟ้องคำให้การและฟ้องแย้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าปัญหาว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทหรือไม่มีคำขอของคู่ความให้วินิจฉัย ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาชอบแล้ว เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับนั้นเสียด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1899 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th