ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2498 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้ไม้ตะบองตีนายทอง ตุ้มกลางตกจากเรือนโดยเจตนาจะฆ่าให้ตายนายทองถึงแก่ความตายในวันนั้นเอง เหตุเกิดที่ตำบลพลสงครามอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249
จำเลยให้การรับว่าได้ทำร้ายนายทอง ตุ้มกลางจริง แต่มิได้มีเจตนาจะฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทำการป้องกันตัวเกินสมควร มีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249-53 ให้จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพจึงปราณีลดให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 59 คงจำคุกจำเลย 1 ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อคนขึ้นมาบนเรือนในเวลาวิกาล ซึ่งมีแต่จำเลยเป็นผู้ชายคนเดียวอยู่บนเรือนจำเลยได้ถามถึง 2 ครั้งนายทองก็ไม่ตอบ ดังนี้ เป็นภัยอันร้ายแรงถึงขนาดที่อาจต้องเสียชีวิตหรือทรัพย์สินได้จำเลยได้ใช้ไม้ไผ่หรือตะบองตีไป 3 ที ถือได้ว่าเป็นการป้องกันสมควรแก่เหตุแล้ว จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ขึ้นมา ศาลอุทธรณ์ย่อมทรงอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทำโดยเข้าใจผิด โดยเข้าใจว่านายทองเป็นคนร้ายขึ้นมาบนเรือนเพื่อลักทรัพย์ได้ชื่อว่าสำคัญผิดในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 และการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันทรัพย์อันนับว่าสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 จำเลยจึงไม่ควรมีความผิด จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







