สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2543

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2543

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 150, 852 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ม. 7

ระหว่างพิจารณาคดีนี้ โจทก์ได้นำมูลหนี้ตามเช็คพิพาทไปฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งให้ชดใช้เงิน แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความศาลมีคำพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามเช็คพิพาทในคดีนี้ระงับสิ้นไป และโจทก์ได้สิทธิใหม่ตามที่ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ว่าโจทก์จะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่ กรณีถือได้ว่าหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39

เมื่อถือว่าคดีอาญาเลิกกันโดยผลของกฎหมายแล้ว คู่ความจะตกลงกันไม่ให้คดีอาญาเลิกกันไม่ได้ เพราะเป็นการขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ระหว่างพิจารณา โจทก์ได้ฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามเช็คพิพาทแล้วโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยตกลงผ่อนชำระเงินเดือนละ 10,000 บาท ทุกเดือน เริ่มแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2540เป็นต้นไป และจะชำระหนี้ดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2541การทำสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ ให้มีผลเป็นการยอมความเฉพาะในส่วนแพ่งเท่านั้น โดยคู่ความยังไม่ประสงค์ให้คดีในส่วนอาญาคดีนี้เลิกกันตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 630/2540 ของศาลชั้นต้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์นำมูลหนี้ตามเช็คพิพาทไปฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งให้ชดใช้เงิน แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความศาลมีคำพิพากษาตามยอม และคดีถึงที่สุดแล้ว ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 กล่าวคือ ทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามเช็คพิพาทระงับสิ้นไปและโจทก์ได้สิทธิใหม่ตามที่ปรากฎในสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ว่าโจทก์จะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่ และถือได้ว่าหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 แล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 เมื่อถือว่าคดีอาญาเลิกกันโดยผลของกฎหมายเช่นนี้แล้ว คู่ความหาอาจตกลงกันไม่ให้คดีอาญาเลิกกันได้อีกไม่ เพราะจะเป็นการขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางวราภรณ์ ตปนียากร จำเลย - นางแก้วจิต จารุสันติกุล

ชื่อองค์คณะ ธีรศักดิ์ เตียวัฒนานนท์ มงคล คุปต์กาญจนากุล สุวัฒน์ วรรธนะหทัย

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE