ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของห้องเลขที่ 0620, 0621โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของห้องเลขที่ 0618, 0619 โจทก์ที่ 3 เป็นเจ้าของห้องเลขที่ 0616, 0617 ห้องทั้งหกปลูกอยู่ในที่ดินซึ่งนายซิวเช่าจากการรถไฟฯ นายซิวตาย โจทก์ทั้งสามยังมิได้แจ้งการโอนสิทธิการเช่า แต่เสียค่าเช่าในนามของนายซิว จำเลยซึ่งสมรสกับนางทองบ่อให้สมคบกับผู้อื่น ทำเอกสารหลักฐานเท็จขอโอนสิทธิการเช่าที่ดินให้จำเลย และจำเลยกับบุคคลซึ่งปลอมตัวเป็นนายซิว ได้ทำหนังสือยืนยันรับรองต่อการรถไฟฯ ยอมประนีประนอมเพื่อจัดสรรที่ดินที่พิพาทระหว่างจำเลย นายซิวกับร้อยตำรวจเอกขาว โอนที่พิพาทให้ร้อยตำรวจเอกขาว ที่ดินของร้อยตำรวจเอกขาวเป็นของจำเลย ขอให้พิพากษาสั่งทำลายหนังสือขอโอนสิทธิการเช่าที่ดินที่นายซิวขอโอนให้จำเลย หนังสือของจำเลยที่ขอรับโอน บันทึกข้อตกลงประนีประนอมจัดสรรที่ดินของการรถไฟฯและขอให้สั่งให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินพิพาท ฯลฯ จำเลยให้การว่า จำเลยยื่นคำร้องขอเช่าที่ดินแปลงพิพาทจากการรถไฟฯ โดยระบุว่า นายซิวตาย ซึ่งโจทก์ทุกคนทราบดี คดีโจทก์ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายซิวเช่าที่ดินจากการรถไฟฯ ประมาณ30 ปี มาแล้ว ทำสัญญาเช่าเป็นรายปี และต้องต่อสัญญาเช่าใหม่ทุกปีได้ปลูกห้องลงบนที่ดินที่เช่านายซิวตายเมื่อ พ.ศ. 2489 ทายาททำสัญญาแบ่งปันทรัพย์มรดก โจทก์ที่ 1 ได้รับห้อง 2 ห้อง นางทองสุข 2 ห้องนางทองดำ 2 ห้อง นางทองดำขายให้นางทองสุข นางทองสุขตาย นายสุยสามีนางทองสุขได้รับมรดกและขายให้โจทก์ที่ 2 สองห้อง โจทก์ที่ 3สองห้อง โจทก์ทั้งสามคนไม่ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟฯ จำเลยทำการสมรสกับนางทองบ่อบุตรสาวนายซิวเมื่อ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2495จำเลยยื่นหนังสือขอโอนสิทธิการเช่าที่ดินต่อการรถไฟฯ ในนามของนายซิว ซึ่งตายไปแล้วให้จำเลย และจำเลยก็ยื่นหนังสือขอรับโอนสิทธิการเช่าที่ดินต่อจากนายซิว พ.ศ. 2497 จำเลยได้สิทธิการเช่าที่ดินพ.ศ. 2503 จำเลยฟ้องโจทก์ให้รื้อห้องอ้างว่าได้รับโอนสิทธิการเช่าที่ดินจากนายซิว โจทก์จึงทราบว่าจำเลยได้สิทธิการเช่าที่ดิน ศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นเรื่องจำเลยใช้อุบายหลอกลวงการรถไฟฯ ให้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยซึ่งเป็นการแสดงเจตนาอันได้มาเพราะกลฉ้อฉล ซึ่งเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 121บุคคลที่จะบอกล้างนิติกรรมอันเป็นโมฆียะก็คือ การรถไฟฯ ซึ่งเป็นผู้ได้ทำการแสดงเจตนาโดยวิปริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา137 ตราบใดที่การรถไฟฯ ยังมิได้บอกล้างนิติกรรมที่ได้ทำขึ้น ก็ยังถือว่าเป็นนิติกรรมที่สมบูรณ์โจทก์ในคดีนี้แม้จะฟังว่าเป็นผู้รับมรดกนายซิวก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าสัญญาเช่าระหว่างการรถไฟฯ กับนายซิว มีอายุการเช่าเพียง 1 ปี และต้องทำสัญญาเช่าใหม่ทุกปีหลังจากนายซิวตายแล้ว สัญญาเช่าระหว่างการรถไฟฯ กับนายซิวจึงเป็นอันระงับ เพราะการตายของนายซิวและสิ้นกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ในขณะนี้โจทก์มิได้ทำสัญญาเช่าที่ดินต่อการรถไฟฯ จึงไม่ใช่ผู้มีสิทธิในการเช่าที่ดิน ด้วยเหตุผลดังวินิจฉัยมา โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งบังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินให้โจทก์และไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลสั่งทำลายเอกสารต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการเช่าที่ดิน พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th