ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2535 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารคอนกรีตกว้าง 7 เมตร ยาว 9 เมตรสูงประมาณ 3 เมตร บนอาคารเลขที่ 125/3-4 ถนนเฟื่องนครแขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามก็ได้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนได้โดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2525จำเลยทั้งสองฎีกา โดยไม่ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีในระหว่างฎีกาต่อมาศาลฎีกาพิพากษายืนโดยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2527 โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2527 ศาลชั้นต้นออกคำบังคับเมื่อวันที่ 10สิงหาคม 2527 โดยให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ที่ได้รับคำบังคับ ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม2537 โจทก์โดยผู้อำนวยการเขตพระนครมีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารพิพาท หากจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอนโจทก์จะจัดการรื้อถอนภายในวันที่ 18 พฤษภาคม 2537

จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้งดการบังคับคดีอ้างว่า โจทก์หมดสิทธิบังคับคดี เนื่องจากขอบังคับเกินกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์มีสิทธิบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2527 นับถึงวันยื่นคำร้องยังไม่เกิน 10 ปีจึงให้ยกคำร้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คดีนี้ได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2525 แม้จำเลยทั้งสองฎีกาแต่ก็ไม่ได้ขอทุเลาการบังคับคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิขอบังคับคดีได้นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเพราะบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งของมาตรา 271 ไม่ได้ระบุว่านับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลใดหรือนับแต่วันที่มีคำพิพากษาทีถึงที่สุดนั้น มาตรา 271 บัญญัติไว้เป็นใจความว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับดคีตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาเห็นว่า แม้บทบัญญัติดังกล่าวมิได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งว่า นับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลใดก็ตาม แต่เมื่อมีการอุทธรณ์หรือฎีกาผลของคำพิพากษาอาจจะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ได้แล้วแต่กรณี กรณีของจำเลยทั้งสองเมื่อมีการฎีการะยะเวลาการบังคับคดีก็ต้องนับจากวันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาส่วนที่ว่าในชั้นฎีกาจำเลยทั้งสองไม่ได้ขอทุเลาการบังคับคดีและโจทก์มีสิทธิขอบังคับคดีได้ เป็นคนละเรื่องกับกำหนดเวลาในการบังคับคดีและที่จำเลยฎีกาว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/12บัญญัติให้นับอายุความตั้งแต่ขณะอาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องเป็นต้นไปเมื่อโจทก์สามารถบังคับคดีได้ตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น เห็นว่ากำหนดเวลาในการบังคับคดีเป็นเรื่องระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับคดีแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดระยะเวลาดังกล่าวจึงไม่ใช่อายุความ

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th