ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้สั่งแสดงว่าจำเลยมีหนี้สิ้นล้นพ้นตัว ให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยต่อสู้หลายประการ ซึ่งไม่เป็นปัญหา วันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์นัดแรกคู่ความแถลงว่า คดีมีทางตกลงกันได้ขอเลื่อน ศาลอนุญาต แต่แล้วก็ไม่ตกลงกัน ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดต่อไป โจทก์ฝ่ายเดียวมาศาล ศาลได้รอจำเลยตามสมควรแล้ว จึงได้สั่งให้สืบพยานโจทก์ไป เมื่อสืบพยานโจทก์ได้3 ปากแล้ว โจทก์ไม่สืบต่อไป ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่า จำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว หนี้ยังไม่ขาดอายุความให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีนี้ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ชี้ลงไปว่าเป็นเรื่องขาดนัดพิจารณาหรือเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยประวิงหรือว่าคดีได้ความพอเพียงแล้วจึงให้งดสืบพยานจำเลยซึ่งผลแห่งคำสั่งศาลที่ว่าคู่ความขาดนัดพิจารณากับการที่ศาลสั่งงดสืบพยานแล้วมีคำสั่งชี้ขาดคดีไปนั้นแตกต่างกัน การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไปโดยมิได้มีการสืบพยานจำเลยเสียก่อนนั้นยังไม่ถูกต้องพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรคสองนั้น บัญญัติถึงแต่ลักษณะของการขาดนัดพิจารณาว่าเป็นเช่นไรลักษณะอย่างไรจึงจะถือว่าคู่ความฝ่ายนั้น ๆขาดนัดพิจารณา ส่วนมาตรา 202 นั้นเป็นบทกำหนดวิธีการปฏิบัติเมื่อจำเลยขาดนัดพิจารณาว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปจึงได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แล้วให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ซึ่งผิดแผกแตกต่างกันไปคนละอย่าง คดีนี้ได้ความว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น คู่ความได้ทราบวันเวลานัดแล้ว ฝ่ายโจทก์มาศาล แต่จำเลยและทนายไม่มาศาล ทั้งไม่ร้องขอเลื่อนหรือแจ้งเหตุขัดข้องอย่างใด ศาลสั่งให้สืบพยานโจทก์ไปได้ 3 ปากแล้วโจทก์ว่าไม่สืบต่อไป ศาลจึงได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดในวันเดียวกันนั้นเองในกรณีที่จำเลยขาดนัดพิจารณาดังกล่าว และไม่มีเหตุผลให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่นเช่นนี้แล้ว ศาลจำต้องมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงจะทำการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 และมาตราต่อไป ๆไปได้ เมื่อไม่มีคำสั่งดังกล่าวเสียก่อนก็ไม่เป็นการพิจารณาฝ่ายเดียว หากจะถือว่ากรณีที่จำเลยขาดนัดพิจารณาตามความในมาตรา 197 วรรคสองแล้ว ไม่จำต้องมีคำสั่งในรายงานพิจารณาของศาลว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยชัดแจ้งอีกครั้งหนึ่งดังโจทก์ฎีกาก็ย่อมมีผลเท่ากับว่าการที่บัญญัติมาตรา 202 ขึ้นนั้นเป็นการบัญญัติซ้ำกับมาตรา 197 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอันเป็นการเปล่าประโยชน์โดยใช่เหตุซึ่งหาเป็นเช่นนั้นไม่ พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th