สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7262/2542

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7262/2542

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 271

แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 จะบัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือสั่งก็ตาม แต่หาได้กำหนดให้บังคับคดีให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 10 ปี ไม่ ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อโจทก์ดำเนินการบังคับคดีก็ถูกจำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์และฎีกาในชั้นบังคับคดีตลอดมาเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจดำเนินการบังคับคดีให้แล้วเสร็จได้เมื่อโจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีมาโดยตลอด และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอายัดที่ดินตามคำร้องของโจทก์เพื่อให้โจทก์ได้รับผลตามคำพิพากษาไว้แล้ว ดังนั้น แม้เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาโจทก์ก็ยังสามารถดำเนินการบังคับคดีเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวต่อไปได้จนกว่าจะแล้วเสร็จ

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้ที่ดินของจำเลยทั้งสามเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโจทก์ทั้งสามต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม 2529 คู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว โดยมีสารสำคัญว่า ฝ่ายจำเลยตกลงยกที่ดินให้เทศบาลตามแนวถนนที่ปรากฏ ต่อมาจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้เยาว์ สัญญาประนีประนอมยอมความขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 จึงไม่มีผลผูกพัน จำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เนื่องจากสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้วจึงให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน ต่อมาโจทก์ที 2 ที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้บังคับคดี จำเลยที่ 3 ยื่นคำคัดค้านขอใหถอนหมายบังคับคดีในส่วนของจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 3ไม่มีสิทธิคัดค้านยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนและจำเลยที่ 3ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 3 ไว้ก่อน อ้างเหตุจำเลยที่ 3 ได้ฟ้องโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้น และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีถึงที่สุดแล้วไม่มีเหตุที่จะทุเลาการบังคับ ให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน ต่อมาวันที่ 21 มิถุนายน 2538 จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 อ้างเหตุจำเลยที่ 3 ฟ้องโจทก์ที่ 2 ที่ 3 เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหาย เป็นอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้น ซึ่งจะเป็นผลให้มีการหักกลบลบหนี้กันในคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ให้ยกคำร้องศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2540 จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการอายัดโฉนดเลขที่ 8007 อ้างเหตุขัดข้องในการจดทะเบียนเวนคืนที่ดินพิพาทให้กรมทางหลวง และเกี่ยวกับระยะเวลาในการบังคับคดีนี้ของโจทก์ได้ครบกำหนดลงและล่วงพ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2539 โจทก์หมดสิทธิบังคับคดีต่อไปเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วจำเลยที่ 3 ยื่นอุทธรณ์และฎีกาทั้งชั้นคำพิพากษาและชั้นบังคับคดีตลอดมา และขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกาในเรื่องการบังคับคดี และโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ได้ดำเนินการบังคับเรื่อยมาเมื่อยังไม่แล้วเสร็จแม้จะเกิน 10 ปี โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ยังสามารถดำเนินการต่อไปไดการอายัดห้ามโอนที่ดินตามคำร้องเป็นการออกคำสั่งเพื่อให้โจทก์ทั้งสามได้รับผลตามคำพิพากษา ทั้งไม่ใช่กรณีที่โจทก์ทั้งสามเพิกเฉยดังกล่าว จำเลยที่ 3ไม่มีสิทธิที่จะไปดำเนินการตามที่กล่าวอ้างในส่วนที่เกี่ยวข้องกับที่ดินตามคำพิพากษาในคดีนี้กรณีไม่มีเหตุจะถอนการอายัด ให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า โจทก์หมดสิทธิที่จะบังคับคดีเพื่อหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมหรือไม่ เห็นว่าแม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตร 271จะบัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งก็ตาม แต่หาได้กำหนดให้บังคับคดีให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 10 ปีไม่ และในคดีนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อโจทก์ที่ 2และที่ 3 ดำเนินการบังคับคดีก็ถูกจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอ อุทธรณ์และฎีกาในชั้นบังคับคดีตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ไม่อาจดำเนินการบังคับคดีให้แล้วเสร็จได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ได้ดำเนินการบังคับคดีมาโดยตลอด ดังนั้น แม้เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา โจทก์ที่ 2 และที่3 ก็ยังสามารถดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้จนกว่าการบังคับคดีดังกล่าวจะแล้วเสร็จ

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง อักษร รตโนภาส กับพวก จำเลย - นาย มนตรี รตโนภาส กับพวก

ชื่อองค์คณะ เรืองฤทธิ์ ศรีวรรธนะ ณรงค์ศักดิ์ วิจิตรสาระวงศ์ จำรูญ แสนภักดี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE