ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 4,800 บาทค่าทำงานวันหยุดพักผ่อน 670 บาท ค่าประกันค่าเสียหาย 800 บาทสินจ้างบอกเลิกจ้างล่วงหน้า 1,566 บาท จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "จำเลยอุทธรณ์เป็นประการแรกว่า จากวงเวียนยี่สิบสองกรกฎา ซึ่งโจทก์พบนายวิรัตน์นั้นห่างจากที่ทำงานเพียงเล็กน้อยโจทก์น่าจะนั่งรถไปบอกแก่หัวหน้างานเสียก่อนแล้วจึงกลับแล้วจึงกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างไกลถึงเอกมัย ที่โจทก์ให้เพื่อนโทรศัพท์ลางานแทนเช่นนี้ไม่เข้ากรณีที่โจกท์ "ไม่อาจทำได้" ดังที่กล่าวไว้ในข้อบังคับการทำงานข้อ 5.1 และต้องห้ามตามข้อ 6.20 และ 6.22 จำเลยจึงเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ข้อนี้ปรากฏว่า ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.3 ข้อ 5.1 มีความว่า "ถ้าลูกจ้างเจ็บป่วยไม่สามารถทำงานได้ ให้แจ้งหัวหน้างานหรือผู้จัดการทราบโดยเร็ว ถ้าไม่อาจทำได้ให้จ้างในวันแรกที่มาทำงาน" ข้อ 6.21 มีความว่า "อย่างละทิ้งหน้าที่การขาดหรือลาหยุดจะต้องแจ้งให้หัวหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร" และข้อ 6.22 มีความว่า "ห้ามใช้โทรศัพท์ลางานจากผู้จัดการ" ดังนี้จะเห็นได้ว่า ความที่ว่า "ถ้าไม่อาจทำได้" ในข้อ 5.1 นั้นหมายความว่าถ้าไม่อาจแจ้งในหัวหน้าหรือผู้จัดการทราบโดยเร็วก็ให้แจ้งในวันแรกที่ไปทำงาน แต่คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์วานนายวิรัตน์ให้แจ้งแก่นายวิรัชผู้ดูแลพนักงานของจำเลยให้ทราบถึงความเจ็บป่วยของโจทก์แล้วตั้งแต่เมื่อเริ่มเจ็บป่วยแล้วจึงถือว่าโจทก์ปฏิบัติฝ่าฝืนข้อบังคับข้อ 5.1 หาได้ไม่ และการขอลางานแทนโจทก์ นี้แม้นายวิรัตน์จะใช้วิธีพูดทางโทรศัพท์ แต่จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อ 6.22 ก็ยังไม่ได้ เพราะเป็นการขอลาต่อนายวิรัชผู้ดูแลพนักงานของจำเลยมิใช่ขอลาต่อผู้จัดการซึ่งข้อบังคับห้ามไว้ ส่วนข้อ 6.21 บังคับไว้ว่า การลาหยุดจะต้องแจ้งแก่หัวหน้างานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งโจทก์ไม่ได้ขอลาด้วยลายลักษณ์อักษรทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอันไม่อาจก้าวล่วงได้นั้น แม้จะเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยผู้เป็นนายจ้าง แต่ก็ไม่ใช่กรณีที่ร้ายแรงซึ่งนายจ้างไม่จำต้องเตือนก่อน และจำเลยจะอ้างว่าเคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือ 2 ครั้งแล้วก็ไม่ได้ เพราะที่เคยตักเตือนแล้วนั้นเป็นเรืองฝ่าฝืนข้อบังคับในกรณีอื่น ไม่ใช่เรื่องลาหยุดโดยมิได้แจ้งต่อหัวหน้างานเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่นายจ้างจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างดังที่ระบุไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2515 ข้อ 47(3)"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th