สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2525

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739 - 740/2525

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ม. 31, 95, 121, 123 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 49

การเลิกจ้างอย่างไรเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 นั้น ศาลสามารถวินิจฉัยได้โดยคำนึงถึงเหตุอันควรไม่ควรในการเลิกจ้าง.ประกอบกับระเบียบข้อบังคับการทำงานซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งไม่จำต้องวินิจฉัยโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121,123ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยตำแหน่งหัวหน้าหน่วยช่างเครื่อง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2524 สหภาพแรงงานสิ่งทอไทยเกรียงได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อจำเลยและเป็นข้อพิพาทที่ไม่สามารถตกลงกันได้ต้องเข้าสู่การชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ในระหว่างการชี้ขาด จำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานสิ่งทอไทยเกรียงและเกี่ยวกับข้อเรียกร้อง เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31 และเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 ขอให้ศาลบังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม โดยได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม

จำเลยทั้งสองสำนวนให้การว่า โจทก์เป็นหัวหน้าหน่วยงาน ระดับผู้บังคับบัญชาจึงเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานไม่ได้ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 95 โจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานสิ่งทอไทยเกรียง จำเลยจึงมิได้ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31 และโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม แต่ไม่ระบุว่าไม่เป็นธรรมอย่างไร เป็นฟ้องเคลือบคลุม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ไม่ใช่บทบัญญัติที่กำหนดถึงการกระทำอันไม่เป็นธรรม เหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ขาดประสิทธิภาพในการบริหารงานในหน้าที่ โดยจำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์แทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเวลา 1 เดือน และจ่ายค่าชดเชยให้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์เป็นพนักงานระดับผู้บังคับบัญชา ต้องห้ามมิให้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 95 วรรคสอง และโจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อเรียกร้อง กรณีไม่จำต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31 เหตุเลิกจ้างที่เท็จจริงน่าเชื่อว่าเกิดจากการนัดหยุดงานซึ่งโจทก์สำนวนแรกร่วมเป็นโฆษกและโจทก์สำนวนหลังมีส่วนพูดให้กำลังใจแก่คนงานในการชุมนุมนัดหยุดงาน จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานดังเดิมในอัตราค่าจ้างที่ได้รับขณะถูกเลิกจ้าง

จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและเป็นการเลิกจ้างที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31 ซึ่งเป็นคนละกรณีต่างกัน การที่จะวินิจฉัยว่า เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้นถึงแม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า การเลิกจ้างอย่างไร เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมก็ตาม แต่ศาลก็สามารถวินิจฉัยได้ตามหลักธรรมดาโดยคำนึงถึงเหตุอันควรไม่ควรในการเลิกจ้างประกอบกับระเบียบข้อบังคับการทำงานซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง โดยไม่จำต้องวินิจฉัยโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121, 123 ซึ่งเป็นคนละกรณีกันดังกล่าว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายทองดี อาทร กับพวก จำเลย - บริษัทไทยเกรียงปั่นทอฟอกย้อม จำกัด

ชื่อองค์คณะ ไพศาล สว่างเนตร ขจร หะวานนท์ ธาดา วัชรานันท์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE