ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ตามทางสอบสวนของผู้ร้อง ปรากฏว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 143503 ตำบลคลองกุ่มอำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างในระหว่างระยะเวลา 3 เดือน ก่อนมีการฟ้องขอให้ล้มละลาย จำเลยได้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่ผู้คัดค้านเพื่อประกันหนี้ตามสัญญากู้เงินในวงเงิน 650,000 บาท ภายหลังจากที่มีการฟ้องขอให้ล้มละลาย จำเลยได้ชำระหนี้แก่ผู้คัดค้าน2 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 31,000 บาท โดยจำเลยรู้ถึงภาวะการมีหนี้สินล้นพ้นตัวของตนเองเป็นอย่างดีการกระทำของจำเลยทำให้ผู้คัดค้านได้รับชำระหนี้เพียงรายเดียวโดยจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ให้เจ้าหนี้อื่นได้และผู้ร้องไม่สามารถรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยเพื่อแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายได้ครบถ้วน จึงเป็นการกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและการชำระหนี้ดังกล่าวให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม โดยให้ผู้คัดค้านไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน หากไม่ยอมปฏิบัติให้ถือเอาคำสั่งหรือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของผู้คัดค้าน

ผู้คัดค้านยื่นคัดค้านว่า จำเลยชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านมิได้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น แต่เป็นการชำระหนี้ตามข้อตกลงในสัญญากู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 12 และ 20 พฤษภาคม 2537 ให้ผู้คัดค้านชำระเงิน 31,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อวันที่23 มีนาคม 2537 จำเลยได้ทำสัญญากู้เงิน 650,000 บาท จากผู้คัดค้าน และได้จดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทให้แก่ผู้คัดค้านเพื่อเป็นประกันหนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เมษายน2537 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2537 และพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2538 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้รองจะขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทระหว่างผู้คัดค้านกับจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115ได้หรือไม่ เห็นว่า การจำนองเป็นสัญญาที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันการชำระหนี้จึงมีหน้าที่จะต้องชำระแก่กันอันเป็นหนี้ประธานส่วนหนึ่ง คือหนี้เงินกู้ที่ผู้คัดค้านจ่ายให้จำเลยรับไป ส่วนจำนองที่จำเลยทำสัญญาและจดทะเบียนให้แก่ผู้คัดค้านนั้นเป็นเพียงอุปกรณ์แห่งหนี้เงินกู้อันเป็นหนี้ประธาน ซึ่งเป็นหนี้คนละส่วนแยกออกจากกันได้ การกู้เงินของจำเลยคดีนี้ ตามสำเนาสัญญากู้เงินเอกสารหมาย ร.1 ข้อ 1 ระบุว่า จำเลยได้รับเงินจากผู้คัดค้าน 650,000 บาท ไปแล้วในวันทำสัญญาและข้อ 8 ระบุว่าเพื่อเป็นหลักประกันที่จำเลยจะปฏิบัติตามสัญญา จำเลยได้นำโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทมาทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ดังกล่าวไว้แก่ผู้คัดค้าน เมื่อเป็นเช่นนี้การที่จำเลยกู้เงินผู้คัดค้านและได้รับเงินจากผู้คัดค้านไปแล้ว ในทันทีทันใดนั้นการกู้เงินระหว่างผู้คัดค้านกับจำเลยได้เกิดขึ้นหลังจากนั้นแม้จะเป็นวันเดียวกัน จำเลยโดยนายธงทอง รักประจิต ได้ทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้าน กรณีถือได้ว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยอยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่มีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองรายนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากผู้ร้องว่า หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ 5 ราย รวมเป็นเงิน 157,572,672.38 บาท แต่ผู้ร้องรวบรวมทรัพย์สินได้เพียง 31,000 บาท ที่ผู้คัดค้านนำมาชำระหนี้ตามคำสั่งศาลให้เพิกถอนการชำระหนี้เท่านั้น และไม่สามารถรวบรวมทรัพย์สินอื่นของจำเลยมาชำระให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายได้ครบถ้วนการที่จำเลยได้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทเพื่อเป็นประกันหนี้แก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านแต่ผู้เดียวมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น โดยเจ้าหนี้อื่นไม่มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเพื่อชำระหนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีย่อมเห็นได้ว่าจำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น แม้ผู้คัดค้านจะอ้างว่ารับจำนองโดยสุจริตไม่ทราบว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว และการจำนองเป็นนิติกรรมต่างตอบแทน ผู้ร้องก็ชอบที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการจำนองรายนี้เสียได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำขอในส่วนนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น"

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 143503 ตำบลคลองกุ่ม อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม ให้ผู้คัดค้านดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th