สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7452/2537

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7452/2537

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1727 วรรคแรก

ตามคำร้องขอจัดการมรดกระบุว่า ทรัพย์มรดกของ ท.เจ้ามรดกที่ยังมิได้จัดการมีเพียงที่ดิน 5 แปลง การที่ศาลสั่งตั้งผู้ร้องและผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของ ท.ก็เพื่อจะจัดการทรัพย์มรดกคือที่ดินทั้ง 5 แปลงดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อผู้คัดค้านทั้งสองอ้างว่ามีพันธบัตรรัฐบาลอีก 6 ฉบับ เป็นทรัพย์มรดกของท. ซึ่งผู้คัดค้านทั้งสองมีส่วนแบ่งในฐานะทายาทอยู่ด้วย ผู้คัดค้านทั้งสองก็ชอบที่จะไปว่า กล่าวเอาแก่ทายาทของท.เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก มิใช่เหตุที่จะมาร้องขอถอนผู้จัดการมรดกคดีนี้ ซึ่งไม่มีประเด็นข้อพิพาทให้วินิจฉัยว่า พันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกด้วยหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ผู้จัดการมรดกได้โอนที่ดินทรัพย์มรดกทั้ง5 แปลงให้แก่ทายาทของเจ้ามรดกไปหมดแล้วเมื่อปี 2529ถือว่าการจัดการมรดกเสร็จสิ้นลงแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 วรรคแรก การที่ผู้คัดค้านทั้งสองมายื่นคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองเมื่อปี 2532จึงไม่อาจกระทำได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนายวีระ ขจรบุญผู้ร้องกับนางสมบูรณ์ พึ่งขจรบุญ และนางสมบัติ กาญจนศูนย์ให้ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของนายทวี ขจรบุญ ผู้ตาย

ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องขอว่า ผู้คัดค้านทั้งสองต่างเป็นบุตรที่บิดารับรองแล้ว ของนายทวีโดยเป็นบุตรนอกสมรสที่เกิดจากนางมาลัย ขจรบุญ หลังจากที่นายทวีถึงแก่ความตายเมื่อปี 2512นางระเบียบ ขจรบุญ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายทวี แต่นางระเบียบไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกให้ถูกต้องและได้ใส่ชื่อผู้ร้องกับผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองลงในโฉนดที่ดิน4 แปลง ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนายทวีกับได้นำเงินของกองมรดกไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลในนามของนางระเบียบรวม 6 ฉบับ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาทอื่นต่อมานางระเบียบถึงแก่ความตายเมื่อปี 2527 ผู้ร้องจึงร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องร่วมกับผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสอง เป็นผู้จัดการมรดกของนายทวีเพื่อจัดการมรดกให้เสร็จสิ้น หลังจากศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องและผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายทวีแล้ว บุคคลทั้งสามละเลยไม่กระทำหน้าที่ของผู้จัดการมรดก ได้จดทะเบียนใส่ชื่อของตนร่วมกันถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันเป็นมรดกของนายทวีรวม 6 แปลงและผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองยังได้ขอรับเงินไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลจากธนาคารแห่งประเทศไทยอีกด้วย การกระทำของผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองไม่ชอบด้วยกฎหมายมีเจตนาทุจริตต่อกองมรดกและทายาทอื่นของนายทวี และมีเจตนาปิดบังมิให้ทายาทอื่นได้รับทรัพย์มรดกของนายทวี ขอให้ถอนผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายทวี และมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องต่อไป

ผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า การจัดการทรัพย์มรดกของนายทวีได้เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยมีการแบ่งปันให้แก่ทายาทของนายทวีนอกจากนี้ทรัพย์มรดกของนายทวียังมีสินสมรสของนางระเบียบระคนปนอยู่ซึ่งผู้คัดค้านทั้งสองไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียและไม่อาจขอเข้าเป็นผู้จัดการมรดกได้ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้คัดค้านทั้งสอง

ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองมีว่า การปันมรดกเสร็จสิ้นลงแล้วหรือไม่เห็นว่า ตามคำร้องขอจัดการมรดกในคดีนี้ระบุไว้ชัดเจนว่าทรัพย์มรดกของนายทวีที่ยังมิได้จัดการมีเพียงที่ดิน 5 แปลงเท่านั้น คือที่ดินโฉนดเลขที่ 17478, 17479, 5883, 5399 และ 10380 ไม่ปรากฎว่ามีพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 6 ฉบับดังกล่าวด้วยแต่อย่างใด การที่ศาลสั่งตั้งผู้ร้องและผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองก็เพื่อจะจัดการทรัพย์มรดกคือที่ดินทั้ง 5 แปลง ดังกล่าวโดยเฉพาะ ส่วนที่ผู้คัดค้านทั้งสองอ้างว่าพันธบัตรรัฐบาลที่มีชื่อนางระเบียบทั้ง 6 ฉบับเป็นทรัพย์มรดกของนายทวีซึ่งผู้คัดค้านทั้งสองมีส่วนแบ่งในฐานะทายาทประการใดนั้น เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านทั้งสองชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่ทายาทของนายทวีเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากมิใช่เหตุที่จะมาร้องขอถอนผู้จัดการมรดกในคดีนี้ ซึ่งไม่มีประเด็นข้อพิพาทให้วินิจฉัยว่าพันธบัตรดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกของนายทวีหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่าที่ดินทั้ง 5 แปลงตามคำร้องขอจัดการมรดกคดีนี้ ผู้จัดการมรดกได้โอนทรัพย์เหล่านั้นให้แก่ทายาทของเจ้ามรดกไปหมดแล้วในวันที่ 11 มีนาคม 2529 โดยใส่ชื่อผู้ร้องและผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองเป็นเจ้าของรวม จึงถือว่าการปันมรดกเสร็จสิ้นลงแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1727 วรรคแรก การที่ผู้คัดค้านทั้งสองมายื่นคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองเมื่อ พ.ศ. 2532 หลังจากการปันมรดกเสร็จสิ้นลงดังกล่าวแล้วจึงไม่อาจกระทำได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยข้ออื่นอีกต่อไป ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ ผู้ร้อง - นาย วีระ ขจร บุญ ผู้ร้อง - ผู้ จ้ด การ มรดก ผู้ร้อง - นาง สมบูรณ์ พึ่ง ขจร บุญ กับพวก ผู้คัดค้าน - นาย ภาณุ ขจร บุญ กับพวก

ชื่อองค์คณะ ระพินทร บรรจงศิลป สุทธิ นิชโรจน์ ปรีชา นาคพันธุ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th