ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ในฐานะส่วนตัวและฟ้องจำเลยทั้งหกในฐานะเป็นทายาทของนายนิเทศ สร้อยสม ให้ชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าของโจทก์ ต่อมาโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 ศาลชั้นต้นอนุญาตและศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 เนื่องจากโจทก์ทิ้งฟ้องในที่สุดศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ยอมนำทรัพย์มรดกของนายนิเทศชำระให้โจทก์ แต่เมื่อถึงกำหนดจำเลยที่ 1 ไม่นำมรดกของนายนิเทศชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 กันนายนิเทศ เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์รวมครึ่งหนึ่ง เมื่อได้นำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว ขอให้กันส่วนของจำเลยที่ 1 ให้แก่จำเลยที่ 1ครึ่งหนึ่งด้วย

โจทก์คัดค้านว่า จำเลยที่ 1 ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างร่วมกับนายนิเทศผู้ตายซึ่งเป็นสามี การที่นายนิเทศซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างจากโจทก์ไปใช้ในธุรกิจดังกล่าว จำเลยที่ 1ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอกันส่วน ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อนายนิเทศถึงแก่ความตาย การสมรสย่อมสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 การคิดส่วนทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับจำเลยที่ 1 มีผลตั้งแต่วันที่การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายนั้น และการแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาให้อยู่ในข้อบังคับของบทบัญญัติว่าด้วยการหย่าโดยความยินยอมทั้งสองฝ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1625 ดังนี้สินสมรสของนายนิเทศกับจำเลยที่ 1 แยกออกจากกันทันทีในวันที่ 17 มกราคม 2534 อันเป็นวันที่นายนิเทศ ตาย สินสมรสครึ่งหนึ่งเป็นมรดกของนายนิเทศ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ วันที่ 29 กรกฎาคม 2534 อันเป็นเวลาภายหลังจากแยกสินสมรสแล้ว ดังนี้เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่า ยอมนำทรัพย์มรดกของนายนิเทศชำระเงินจำนวน 729,676 บาท ให้โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำทรัพย์ส่วนของจำเลยที่ 1 มาชำระหนี้

พิพากษากลับเป็นว่า เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์แล้วให้กันเงินครึ่งหนึ่งแก่จำเลยที่ 1

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th