ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 287,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 250,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ในวันเดียวกันกับที่จำเลยยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า สิทธิตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนเป็นของบุคคลภายนอกผู้ต้องเสียหายเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์ได้เอารถยนต์คันเกิดเหตุตามฟ้องประกันภัยค้ำจุนไว้ต่อจำเลย ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัยดังกล่าว โจทก์ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุชนราวสะพานกรุงธนบุรีและพุ่งตกลงบนหลังคาบ้านของนายมนู วงษ์จันทร์ ทำให้บ้านหลังดังกล่าวได้รับความเสียหาย โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายมนูปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีเพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องประกันภัย ซึ่งโจทก์ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยในกรณีที่โจทก์ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมายเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ที่ประกันภัยไว้ ความรับผิดของโจทก์ที่มีต่อนายมนูวงษ์จันทร์ ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่รถของโจทก์เสียหลักพุ่งตกลงบนหลังคาบ้านของนายมนูตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารท้ายฟ้อง ในหมวดที่ 2 ส่วนที่ 2การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 2.3 ระบุว่า "บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย…"ดังนี้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนในนามของโจทก์จากจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887 แม้โจทก์จะยังมิได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายมนูก็ตามเพราะกรณีเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องรับช่วงสิทธิดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

อนึ่ง เมื่อคดีรับฟังได้ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่ยังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า นายมนูได้รับความเสียหายเพียงใด จำเลยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายมนูครบถ้วนแล้วหรือไม่ และโจทก์ขับรถในขณะเมาสุราและไม่มีใบอนุญาตขับรถอันเป็นการผิดเงื่อนไขความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการสืบพยานกันต่อไป จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี"

พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th