ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้เงินกู้1,385,583.33 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,300,000 บาท พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองแล้ว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีการค้าประจำเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2526, มกราคม -ธันวาคม 2527, มกราคม - กันยายน 2528, ตุลาคม - ธันวาคม 2528 และมกราคม - กันยายน 2529 โดยแสดงรายรับต่ำกว่ารายรับขั้นต่ำที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดไว้ เจ้าพนักงานประเมินจึงแจ้งรายการประเมินให้จำเลยที่ 1 นำเงินภาษีการค้าเรียกเก็บเพิ่มเติมไปชำระ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระภายในกำหนด จำเลยที่ 1 จึงต้องเสียเงินเพิ่มอีก และต้องเสียเบี้ยปรับตามกฎหมาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 96,449 บาทเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2531 ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ค่าภาษีการค้าดังกล่าว ซึ่งเป็นหนี้บุริมสิทธิสามัญในมูลค่าภาษีการค้าเหนือทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินค่าภาษีการค้าเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ อันเป็นบุริมสิทธิสามัญเป็นเงิน 96,449 บาท จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น

โจทก์ไม่ยื่นคำแถลงคัดค้าน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า หนี้ค่าภาษีการค้าค้างชำระของผู้ร้องเป็นหนี้สามัญ ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาโดยผู้ร้องไม่โต้แย้งรับฟังเป็นยุติว่าหนี้ค่าภาษีการค้าที่จำเลยที่ 1ค้างชำระแก่ผู้ร้องนั้นไม่เป็นหนี้บุริมสิทธิ เป็นเพียงหนี้สามัญที่ผู้ร้องฎีกาว่า แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะไม่อนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระภาษีก่อนเจ้าหนี้รายอื่นแต่ตามคำร้องของผู้ร้องก็พอถือได้ว่าเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ผู้ร้องควรมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ค่าภาษีการค้าที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระอยู่ อันเป็นหนี้บุริมสิทธิ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า หนี้ค่าภาษีการค้าที่ค้างชำระนั้นเป็นหนี้สามัญ ศาลก็ต้องยกคำร้องของผู้ร้องเสียโดยไม่ต้องพิจารณาว่าตามคำร้องเป็นกรณีขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ด้วยหรือไม่เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นในคดีนี้

ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า หากศาลฟังว่า คำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องขอเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290ซึ่งเป็นคดีที่มีคำขออันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ผู้ร้องก็ไม่ควรต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์นั้น เห็นว่า เมื่อคดีได้ความจากการวินิจฉัยในประเด็นก่อนว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ก่อน โดยอาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงไม่คืนค่าขึ้นศาลให้แก่ผู้ร้อง

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th