ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินตราจองเลขที่ 111พร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์ออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์ฟ้อง โดยจำเลยได้รับโอนมาจากนางสาววิไลวรรณพี่จำเลย เมื่อประมาณต้นปี 2526 เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินจำเลยทำธุรกิจค้าขายขาดทุน จำเลยเกรงว่าจะถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องและบังคับคดีเอาทรัพย์สินต่าง ๆ ของจำเลย จึงโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์ฟ้องให้เป็นชื่อของนางสรัญญาโดยจำเลยกับนางสรัญญาได้แสดงเจตนาลวงสมรู้กันว่า ถ้าสถานการณ์เป็นปกติแล้วนางสรัญญาจะโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวคืนจำเลย การแสดงเจตนาของจำเลยกับนางสรัญญาจึงตกเป็นโมฆะจำเลยจึงยังคงเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอยู่ สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับนางสรัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากนางสรัญญาได้โอนขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย และโจทก์ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นของจำเลยอยู่ การกระทำของนางสรัญญากับโจทก์จึงเป็นการฉ้อฉล จำเลยตกเป็นโมฆียะกรรมจำเลยได้บอกล้างนิติกรรมนี้แก่โจทก์และนางสรัญญาแล้วขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางมณีรัตน์ อรวิวัฒนากูรผู้จัดการมรดกของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามตราจองเลขที่ 111 และให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 8,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จำเลยฎีกามีว่าโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทหรือไม่ มีข้อจะต้องพิจารณาว่าโจทก์ซื้อมาโดยสุจริตหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทจากจำเลยมาเป็นของนางสรัญญาแล้ว นางสรัญญาแสดงความเป็นเจ้าของหลายประการโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2526 จนถึง 31 มกราคม 2528นางสรัญญาได้จำนองทรัพย์พิพาทต่อธนาคารกรุงไทย จำกัดสาขาแม่ฮ่องสอน ต่อมาได้มีการขึ้นเงินจำนองอีกหลายครั้งในที่สุดนางสรัญญาถูกธนาคารเจ้าหนี้ฟ้องให้ชำระหนี้เงินกู้และบังคับจำนองทรัพย์พิพาท นางสรัญญาแพ้คดีและไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเจ้าหนี้ได้ ธนาคารเจ้าหนี้จึงขอให้บังคับคดียึดทรัพย์พิพาทเพื่อนำขายทอดตลาด มีการขายทอดตลาดถึง 10 ครั้งแต่ก็ขายไม่ได้ นางสรัญญาจึงนำไปขายให้แก่โจทก์ในราคา3,950,000 บาท ได้มีการถอนการยึดและชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเจ้าหนี้ตลอดระยะเวลาดังกล่าวจำเลยไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าด้านการแสดงออกหรือคัดค้านแต่อย่างใด คงปล่อยให้นางสรัญญาแสดงความเป็นเจ้าของตลอดมา ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์รับซื้อทรัพย์พิพาทไว้โดยสุจริต ดังนี้ แม้จำเลยกับนางสรัญญาจะแสดงเจตนาลวงด้วยการสมรู้กันว่ามิได้มีเจตนาซื้อขายทรัพย์พิพาทกันก็ตาม แต่เมื่อโจทก์รับซื้อมาโดยสุจริตก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 118 วรรคแรก (เดิม) ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th