ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสองสำนวน ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาและพิพากษา

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการได้ว่าจ้างโจทก์ให้ดำเนินการปรับปรุงตกแต่งอาคารพาณิชย์4 ชั้น จำนวน 3 คูหา ต่อมาจำเลยผิดสัญญา จำเลยขอเลิกสัญญากับโจทก์โจทก์ตกลงเลิกสัญญาแต่ขอให้จำเลยชำระค่าจ้างตามผลงานที่ได้กระทำไป ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 281,400 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ทำงานไม่ตรงตามสัญญาใช้วัสดุอุปกรณ์ไม่ถูกต้องตามที่กำหนด และไม่ได้ดำเนินการตามสัญญาว่าจ้างโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

สำนวนหลังจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยว่าจำเลยทั้งสองไม่ทำงานตามสัญญา จนโจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์จากงานที่ทำนั้นได้ โจทก์ต้องว่าจ้างผู้อื่นมาทำงานให้เสร็จ รวมเป็นค่าเสียหายกว่า 1,000,000 บาท แต่โจทก์ขอคิดเพียง 600,000 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 600,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การเป็นใจความทำนองเดียวกับคำฟ้องในสำนวนแรกกับปฏิเสธในเรื่องค่าเสียหาย

เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ระหว่างสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุเจ็บป่วยกะทันหัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานไปทำการตรวจแล้ว เชื่อว่าอาการของทนายจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่าป่วยนั้นไม่ร้ายแรงถึงกับจะมาศาลไม่ได้ จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานจำเลย

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งงดสืบพยานจำเลยและอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบต่อไป

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 2 แล้ว ไม่เชื่อว่าทนายจำเลยที่ 2 ป่วยจนไม่สามารถมาศาล จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 121,462.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์ ให้ยกฟ้องสำนวนหลัง

โจทก์ที่ 1 และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 281,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ในวันนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 30 มกราคม2528 ทนายจำเลยที่ 2 มีใบตรวจรับรองของนายแพทย์เพียร บุรัสการมาประกอบคำร้องขอเลื่อนคดี ในชั้นไต่สวนก็ได้ความว่าในวันดังกล่าวทนายจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปนอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบุรีตัดใหม่มีบัตรตรวจโรคผู้ป่วยและรายงานการรักษาและใบรับรองแพทย์มาเป็นหลักฐานด้วย เชื่อได้ว่าทนายจำเลยที่ 2 ป่วยจนไม่สามารถมาศาลได้จริง การเจ็บป่วยนั้นนับว่าเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้การนัดสืบพยานจำเลยในวันนั้นเป็นการซักค้านตัวจำเลยที่ 2 ของทนายโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 ยังเบิกความไม่เสร็จก็ยากที่จะรับฟังเป็นความจริงได้ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีย่อมจะทำให้เสียความยุติธรรมชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งเลื่อนคดีต่อไปเท่าที่จำเป็น แม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 กรณีมิใช่เป็นการประวิงคดีเพราะจำเลยก็เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในสำนวนหลังเช่นกัน และการเลื่อนคดีครั้งก่อน ๆ ก็มีเหตุจำเป็นทั้งสิ้น…"

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไปจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th