สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7630/2542

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7630/2542

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 5 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 9 (เดิม), 150, 153 (เดิม)

ในขณะที่ยื่นคำฟ้อง แม้จำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร จำเลยที่ 6 และที่ 7 มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งทำให้โจทก์ต้องยื่นฟ้องจำเลยที่ 3 ต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร และจำเลยที่ 6 และที่ 7 ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150 แต่มูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดคดีนี้ เป็นหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มูลความแห่งคดีที่จำเลยทั้งแปดต้องรับผิดต่อโจทก์จึงไม่อาจแบ่งแยกกันได้ หรือมีความผิดเกี่ยวข้องกัน เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดจนจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 7 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่งธนบุรี และตาม ป.วิ.พ. มาตรา 5 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ยอมให้โจทก์เสนอ ค่าฟ้องจำเลยทั้งแปดต่อศาลใดศาลหนึ่งดังกล่าวก็ได้ โจทก์จึงชอบที่จะยื่นคำฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 ร่วมกับ จำเลยอื่นต่อศาลแพ่งธนบุรีก็ได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักทรัพย์ของจำเลยทั้งแปดเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งแปดล้มละลาย

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จำเลยที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 ให้การขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 4 และที่ 6 ไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงได้ความตามคำฟ้องและคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาครในขณะที่ยื่นคำฟ้อง และจำเลยที่ 6 และที่ 7 มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีในขณะที่ยื่นคำฟ้อง ซึ่งต้องด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150 ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องจำเลยที่ 4 ต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร และจำเลยที่ 6 และที่ 7 ต่อศาลจังหวัดนนทบุรีก็ตาม แต่มูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดคดีนี้ เป็นหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มูลความแห่งคดีที่จำเลยทั้งแปดต้องรับผิดต่อโจทก์ จึงไม่อาจแบ่งแยกกันได้หรือมีความเกี่ยวข้องกัน เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดจนจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 7 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลชั้นต้น และตาม ป.วิ.พ. มาตรา 5 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ยอมให้โจทก์เสนอคำฟ้องจำเลยทั้งแปดต่อศาลใดศาลหนึ่งดังกล่าวก็ได้ โจทก์จึงชอบที่จะยื่นคำฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 ร่วมกับจำเลยอื่นต่อศาลชั้นต้นได้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 7 เด็ดขาด ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 7 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 7 เฉพาะค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีการะหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 8 ให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เสียเกิน 150 แก่โจทก์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำเลย - ห้างหุ้นส่วนจำกัดจิรศักดิ์เอ็นเตอร์ไพร์สแอนด์เซอร์วิส กับพวก

ชื่อองค์คณะ พิชัย เตโชพิทยากูล ทองเลื่อน พูลพิพัฒน์ ประพันธ์ ทรัพย์แสง

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแพ่งธนบุรี - นางสาวเบญจภา วิทิตางกูร ศาลอุทธรณ์ - นางคำนวน เทียมสอาด

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE