ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยได้เบียดบังเอาเงินของผู้เสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 304,357.42 บาท ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยหรือผู้อื่นโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 4,357.42 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 รวม 2 กระทง เรียงกระทงลงโทษให้จำคุกกระทงละ 6 ปีรวมจำคุก 12 ปี จำเลยชดใช้เงินคืนแก่ทางราชการเป็นจำนวนมากเป็นการบรรเทาความเสียหาย นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 8 ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 4,078.42 บาทแก่ผู้เสียหาย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยเต็มตามฟ้อง ส่วนจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "…คงมีปัญหาข้อกฎหมายข้อเดียวตามที่จำเลยฎีกาข้อ 3.2 ว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2528 เจ้าพนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจบัญชีของสุขาภิบาลท่าแซะผู้เสียหายพบว่ายอดเงินขาดหายไปจำนวน 175,758.42 บาท และวันที่ 26 มิถุนายน 2528พบว่าเงินขาดหายไป 128,320 บาท การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำผิดครั้งเดียว มีเจตนาเดียวกัน คือทำให้เงินขาดหายไปจากบัญชีถือได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน2528 เจ้าพนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจกำปั่นเก็บเงิน และตรวจบัญชีของสุขาภิบาลท่าแซะผู้เสียหายพบว่าเงินในกำปั่นขาดหายไป175,758.42 บาท และวันที่ 26 มิถุนายน 2528 ตรวจพบว่าเงินของผู้เสียหายขาดบัญชีไป 128,320 บาท โดยพบว่าในวันที่ 28 กันยายน2527 มีการเบิกจ่ายเงินตัดปีออกจากบัญชีเงินสดของผู้เสียหายตามฎีกา 5 ฉบับ เอกสารหมาย ป.จ.7 ถึง ป.จ.11 รวมเป็นเงิน128,320 บาท ระบุว่า เป็นเงินในหมวดค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างไม่มีหลักฐานการจ่ายให้แก่ผู้รับเงิน เห็นว่า เงินในกำปั่นของผู้เสียหายที่ขาดหายไปจำนวน 175,758.42 บาท และที่จำเลยได้เบิกเงินตัดปีตามฎีกา 5 ฉบับ เอาเงินไปโดยไม่มีหลักฐานการจ่ายให้แก่ผู้รับเงิน การกระทำของจำเลยดังกล่าวซึ่งเป็นกรณีเบียดบังเอาเงินของผู้เสียหายไปโดยทุจริตคนละคราวต่างวาระกันการกระทำของจำเลยแต่ละคราวเป็นความผิดสำเร็จเป็นคราว ๆ ไปในตัว จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ได้กระทำ 2 ครั้ง จึงเป็นความผิดสองกรรมที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th