ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีทั้งเจ็ดสำนวนนี้ โจทก์และจำเลยเป็นคนคนเดียวกัน ศาลรวมพิจารณาพิพากษามาด้วยกัน โดยฟ้องทั้งเจ็ดสำนวนใจความว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือร่วมกับผู้อื่นทำปลอมใบส่งสินค้าอันเป็นหลักฐานแสดงการซื้อและรับผลิตภัณฑ์น้ำมัน เป็นเอกสารสิทธิขึ้นทั้งฉบับ แล้วนำไปกล่าวอ้างนำสืบแสดงเป็นพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในการพิจารณาคดีของศาลแพ่ง และจำเลยทั้งสองเข้าเบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาด้วยข้อความอันเป็นข้อสำคัญในคดีแพ่ง ทำให้โจทก์และผู้อื่นเสียหายการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารปลอม เบิกความเท็จ และสืบแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 177, 180, 264,265 และ 268

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดียังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง จึงไม่มีมูลทั้งเจ็ดสำนวน พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สำหรับจำเลยที่ 1 คดีมีมูลในข้อหาฐานปลอมเอกสาร ใช้หรืออ้างเอกสารปลอม ส่วนในข้อหาอื่น และคดีสำหรับตัวจำเลยที่ 2 ไม่มีมูล พิพากษาแก้ ว่าคดีของโจทก์ทั้งเจ็ดสำนวนมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 ในข้อหาฐานปลอมเอกสาร และใช้หรืออ้างเอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 และ 268และฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้รับประทับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาพิพากษาตามฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งมีว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 มิได้บัญญัติไว้ว่าจะต้องรู้ถึงความจริงเท็จแห่งข้อความที่เบิกนั้นด้วย ถ้าข้อความที่จำเลยที่ 2 เบิกนั้นเป็นความเท็จ เป็นข้อสำคัญในคดี ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว จำเลยที่ 2 จะรู้หรือไม่รู้ว่าเอกสารหลักฐานที่ให้การถึงเป็นเอกสารปลอม และโจทก์มิได้เป็นลูกหนี้ซื้อเชื่อน้ำมัน จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ต้องมีความผิดตามบทมาตราที่กล่าวนี้

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 จะบัญญัติไว้แต่เพียงว่า ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษ โดยมิได้บัญญัติว่าผู้เบิกความจะต้องรู้ว่าข้อความที่ตนเบิกความนั้นเป็นเท็จหรือไม่ ไว้ด้วยก็ตาม แต่การที่จะเป็นความผิดตามบทมาตรานี้ผู้กระทำความผิดจะต้องกระทำด้วยเจตนาคือ รู้อยู่แล้วว่าข้อความที่ตนนำมาเบิกความนั้นเป็นเท็จแล้วยังนำมาเบิกความ การที่จะตีความตามทำนองที่โจทก์ฎีกาว่า ถ้าข้อความที่จำเลยที่ 2 เบิกความนั้นเป็นเท็จ และเป็นข้อสำคัญในคดีแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้ว่าความนั้นเป็นเท็จจำเลยที่ 2 ก็ต้องมีความผิดตามบทบัญญัติของมาตราดังกล่าวนั้น หาถูกต้องไม่ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th