ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 43 (8), 134, 160 วรรคสาม, 160 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 46, 91 ริบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ขม 6403 เชียงใหม่ และหมายเลขทะเบียน ฐต 4147 กรุงเทพมหานคร ของกลาง มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองทำทัณฑ์บน และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 2 มีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 2

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (8) (เดิม), 134 วรรคหนึ่ง (เดิม), 160 วรรคสาม (เดิม), 160 ทวิ (เดิม) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งแต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 2 เดือน ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 เดือน 10 วัน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทนมีกำหนด 1 เดือน 10 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ริบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ขม xxxx เชียงใหม่ และหมายเลขทะเบียน ฐต xxxx กรุงเทพมหานคร ของกลาง พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน นับแต่วันมีคำพิพากษา ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองทำทัณฑ์บนนั้น เนื่องจากศาลกักขังจำเลยทั้งสอง คำขอในส่วนนี้ให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 2 มีกำหนด 180 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 เดือน 10 วัน แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนด 1 เดือน 10 วัน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เพียงแต่พิพากษาแก้ในส่วนกำหนดเวลาที่ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 2 โดยมิได้พิพากษาแก้ไขในส่วนโทษกักขังของจำเลยทั้งสอง ถือว่าศาลอุทธรณ์ภาค 5 มิได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะแต่ในคดีซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218, 219 และ 220 เท่านั้น จะอนุญาตให้ฎีกาในคดีซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ไม่ได้ การที่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 อนุญาตให้จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าสมควรลดโทษหรือรอการลงโทษให้แก่จำเลยทั้งสองหรือไม่ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.4775/2566

แหล่งที่มา หนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th