ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้สลักหลังให้ร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525จำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การ

วันที่ 25 ตุลาคม 2525 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การขอให้อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นคำให้การแล้วและกรณีไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จึงมีคำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 2 ให้ยกคำร้องเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวแล้ว ในวันเดียวกันนั้นศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การตามคำร้องของโจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้รับคำให้การหรือสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องเสียก่อนที่จะมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 2

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขออนุญาตยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคแรกแล้ว ส่วนกรณีนี้เป็นการขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 2 จึงยื่นขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 ไม่ได้ คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่า จำเลยที่ 2 ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525 บัดนี้พ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีตามกฎหมายแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การจึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้แล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณาเกี่ยวกับการสั่งรับหรือสั่งไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาก็ไม่ต้องพิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย ทั้งคำร้องขอขยายระยะเวลานี้ไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ ฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีนี้จึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคู่ความ และเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาจำเลยที่ 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th