สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8149/2554

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8149/2554

พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ม. 68, 80 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 ม. 26, 38 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 183, 225 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 219

แม้จำเลยที่ 1 อ้างว่ามีสถานีบริการอื่นมาเปิดใกล้เคียงกับสถานีบริการน้ำมันบางจากของจำเลยที่ 1 ก็เป็นวิสัยของการประกอบการที่จะต้องมีการแข่งขัน ไม่ทำให้การชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 กลายเป็นพ้นวิสัยอันทำให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นจากหน้าที่ที่ต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์

การกำหนดประเด็นข้อพิพาทต้องกำหนดตามที่คู่ความยกขึ้นกล่าวอ้างในคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น คดีนี้ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ในการเรียกค่าเช่าที่ได้ชำระล่วงหน้าจากจำเลยที่ 2 หรือไม่ แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อนี้ตามที่คู่ความแถลงรวมทั้งวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ด้วย ก็เป็นประเด็นข้อพิพาทและข้อวินิจฉัยที่นอกเหนือไปจากคำฟ้องและคำให้การ ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 183 อุทธรณ์ข้อนี้จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน 3,028,056.80 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 2,607,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 2 คืนเงินค่าเช่าที่ดินล่วงหน้าแก่โจทก์จำนวน 741,666.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2544 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 870,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2536 โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาแต่งตั้งผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันบางจากมีสาระสำคัญให้จำเลยที่ 1 ก่อสร้างและดำเนินการสถานีบริการน้ำมันบนที่ดินที่โจทก์เป็นผู้เช่ามาจากจำเลยที่ 2 ภายใต้เครื่องหมายการค้าคำว่า "บางจาก" ของโจทก์ และจำเลยที่ 1 จะซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์ไปจำหน่ายเดือนละจำนวนไม่ต่ำกว่า 200,000 ลิตร หากจำเลยที่ 1 ไม่ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์เป็นเวลา 1 เดือน โดยไม่มีเหตุสมควร หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากผู้ค้ารายอื่นมาจำหน่าย หรือเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ค้ารายอื่นในสถานีบริการน้ำมันบางจาก โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกันจำเลยที่ 2 ทำสัญญาให้โจทก์เช่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 5245 และ 7854 ตำบลโนนโหนน อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีกำหนด 20 ปี ค่าเช่าจำนวนเดือนละ 3,000 บาท และ 2,000 บาท ตามลำดับ เพื่อก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันบางจาก ซึ่งต่อมาได้มีการสร้างสถานีบริการน้ำมันบางจากและดำเนินกิจการสถานีบริการน้ำมันโดยจำเลยที่ 1 แต่ต่อมาโจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาแต่งตั้งผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน จึงบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 และโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินที่ทำกับจำเลยที่ 2 ด้วยโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 ผิดสัญญาและฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายและคืนค่าเช่าที่ดินล่วงหน้าที่โจทก์ชำระแก่จำเลยที่ 2 ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อมาว่า ค่าเสียหายที่เป็นค่าการกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าการตลาดซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระจำนวน 870,000 บาท นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะหลังจากจำเลยที่ 1 ทำสัญญากับโจทก์และสร้างสถานีบริการน้ำมัน ปรากฏว่าในปี 2539 มีสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้าอื่นถึง 3 แห่ง มาตั้งอยู่โดยรอบสถานีบริการน้ำมันบางจากของจำเลยที่ 1 ทำให้การชำระหนี้กลายเป็นเหตุพ้นวิสัยนั้น เห็นว่า วิสัยของการประกอบการค้าย่อมต้องมีการแข่งขัน การที่มีสถานีบริการน้ำมันอื่นมาเปิดใกล้เคียงกับสถานีบริการน้ำมันบางจากของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ทำให้การชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 กลายเป็นพ้นวิสัยอันจะทำให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นจากหน้าที่ที่ต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ส่วนที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 เคยขอให้โจทก์ลดยอดน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะต้องนำมาจำหน่ายและลดราคาขายน้ำมันนั้นให้จำเลยที่ 1 แต่โจทก์ไม่ให้ความช่วยเหลือ ต่อมาได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติลงตามบันทึกความเข้าใจลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2541 หลังจากนั้นโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว และโจทก์มารับป้ายเครื่องหมายการค้าคำว่า "บางจาก" ของโจทก์คืนไป จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดที่ไม่ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากโจทก์ตามที่ตกลงกันไว้จำนวนเดือนละ 200,000 ลิตร นับแต่เดือนกันยายน 2540 ถึงเดือนตุลาคม 2541 นั้น เห็นว่า เป็นบันทึกความเข้าใจระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และผู้ประกอบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงรายอื่นว่า หากทั้งสองฝ่ายประสงค์จะยกเลิกสัญญาแต่งตั้งผู้ประกอบการ แต่ละฝ่ายจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างโดยนอกจากการคืนป้ายเครื่องหมายการค้าคำว่า "บางจาก" แล้ว ผู้ประกอบการดังกล่าวรวมทั้งจำเลยที่ 1 ยังต้องชำระหนี้ทั้งหมดที่ยังค้างชำระแก่โจทก์ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้นำสืบพยานหลักฐานให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ 1 จะมาอ้างว่าทำให้หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ระงับไม่ได้ จำเลยที่ 1 ยังคงต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 870,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จดังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษา อุทธรณ์ข้อสุดท้ายของจำเลยที่ 2 ว่า โจทก์ฟ้องคดีเรียกคืนค่าเช่าที่ได้ชำระล่วงหน้าเกิน 5 ปี นับจากวันที่จำเลยที่ 2 บอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินแก่โจทก์ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ดังกล่าวจึงขาดอายุความและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 นั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสองให้การว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากข้อกำหนดให้ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการค้าปลีก มีอายุความ 2 ปี โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ให้การว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ในการเรียกคืนค่าเช่าล่วงหน้า เมื่อการกำหนดประเด็นข้อพิพาทในคดีต้องกำหนดตามประเด็นที่คู่ความยกขึ้นกล่าวอ้างในคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น คดีนี้จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ในการเรียกคืนค่าเช่าที่ได้ชำระล่วงหน้าจากจำเลยที่ 2 หรือไม่ แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะสอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้วกำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อนี้ตามที่คู่ความแถลงรวมทั้งได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ด้วย ก็เป็นประเด็นข้อพิพาทและข้อวินิจฉัยที่นอกเหนือไปจากคำฟ้องและคำให้การ การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอายุความดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ดังนี้ ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 38 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ดังนั้น แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองมาด้วย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศก็ไม่รับวินิจฉัยให้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 2 คืนเงินค่าเช่าที่ดินล่วงหน้าแก่โจทก์จำนวน 741,666.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2544 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 870,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ทก.(ป)268/2549

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จำเลย - บริษัทแต้ม่งฮะ จำกัด กับพวก

ชื่อองค์คณะ ปริญญา ดีผดุง อร่าม เสนามนตรี ธัชพันธ์ ประพุทธนิติสาร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง - นายวิรุฬห์ แย้มละม้าย

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th