ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าพักในโรงแรมของจำเลยซึ่งจำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรม และนำเอารถจักรยานยนต์ราคา 12,000 บาท เข้าเก็บไว้ในที่เก็บของโรงแรมโดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของโรงแรมทราบแล้ว วันรุ่งขึ้นโจทก์ทราบว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวหายไป โดยมิใช่เกิดแต่เหตุสุดวิสัย และมิใช่ความผิดของโจทก์หรือแขกของโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบแต่จำเลยไม่จัดการอย่างไร ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 12,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า หากโจทก์นำรถจักรยานยนต์เข้ามาเก็บไว้และถูกคนร้ายลักไปจริง ก็เป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่ใส่กุญแจรถไว้ รถจักรยานยนต์เป็นของมีค่า โจทก์มิได้บอกกล่าวฝากและมิได้บอกราคาโดยชัดแจ้งแก่จำเลยหรือเจ้าหน้าที่โรงแรม จำเลยจึงรับผิดตามกฎหมายเพียง 500 บาทเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์นำเอารถจักรยานยนต์เข้าเก็บไว้ในที่เก็บรถของโรงแรมโดยบอกฝากไว้กับพนักงานของโรงแรม รถดังกล่าวหายไปโดยมิใช่ความผิดของโจทก์ รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ของมีค่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง จึงไม่จำต้องบอกกล่าวราคาชัดแจ้งแก่เจ้าสำนักโรงแรมพิพากษาให้จำเลยใช้ราคารถจักรยานยนต์ 12,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นของมีค่าตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสองนั้น ได้พิเคราะห์แล้ว คำว่า "ของมีค่า" ตามความหมายแห่งบทบัญญัติดังกล่าวหมายถึงทรัพย์สินที่มีคุณค่าอันมีลักษณะพิเศษทำนองเดียวกับเงินทองตราธนบัตร ตั๋วเงิน ฯลฯ รถจักรยานยนต์ของโจทก์เป็นเพียงทรัพย์สินตามธรรมดาทั่ว ๆ ไป เท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าตามกฎหมาย ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า โจทก์นำรถจักรยานยนต์เข้าเก็บในโรงแรมของจำเลยโดยไม่ได้ใส่กุญแจรถจักรยานยนต์เป็นความผิดของโจทก์นั้น เห็นว่าฎีกาของจำเลยข้อนี้เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









