ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยให้เรียกโจทก์เรียงตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3

โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าคอมมิสชันจำนวน 75,509 บาท และ 112,865 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสามจำนวน 124,104 บาท 92,299 บาท และ 97,942 บาท ตามลำดับ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสามเป็นลูกจ้างของจำเลย ตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาดเช่าซื้อรถใหม่ กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 25 ของเดือน โจทก์ที่ 1 ลาออกเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2555 โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ลาออกเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2555 จำเลยตกลงจ่ายเงินรางวัลการขายรถยนต์คันละ 600 บาท เมื่อลูกค้าผ่อนค่างวดครบ 4 งวดแรก ตรงตามกำหนด แต่หากชำระไม่ตรงตามกำหนด โจทก์ทั้งสามจะต้องติดตามให้ลูกค้าชำระให้ครบภายในงวดที่ 5 ถ้าไม่ครบจำเลยจะหักเงินรางวัลจากเงินรางวัลรวมที่ทำได้ในงวดที่ 4 เป็นเงิน 1,800 บาท หากติดตามให้ลูกค้าชำระครบในงวดที่ 5 จำเลยจะคืนเงิน 1,800 บาท พร้อมจ่ายเงินรางวัล 600 บาท รวม 2,400 บาท ให้โจทก์ทั้งสาม ส่วนเงินรางวัลสำหรับการขายประกันคุ้มครองภาระหนี้มีเงื่อนไขว่าจะจ่ายเมื่อลูกค้าชำระตรงกำหนดสี่งวดแรกเป็นเงิน 500 บาท ต่อการขายแต่ละครั้ง และโจทก์ทั้งสามยังได้รับเงินรางวัลจากบริษัทประกันเพิ่มอีกร้อยละ 5 ของค่าเบี้ยประกันเมื่อลูกค้าชำระค่างวดในงวดแรกแล้ว และวินิจฉัยว่าเงินตามฟ้องถือว่าเป็นเงินส่วนหนึ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเพื่อตอบแทนการทำงานโดยคิดตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้สำหรับระยะเวลาทำงานปกติของการทำงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5

ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ประการแรกของจำเลยว่า เงินรางวัลตามฟ้องเป็นค่าจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5 หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่าเงินรางวัลจากการขายรถยนต์ จำเลยตกลงจ่ายให้โจทก์ทั้งสามต่อเมื่อลูกค้าผ่อนค่างวดครบสี่งวดแรกตรงตามกำหนด หากชำระไม่ตรงตามกำหนด โจทก์ทั้งสามก็จะต้องติดตามให้ลูกค้าชำระให้ครบภายในงวดที่ 5 มิฉะนั้นจำเลยจะหักเงินรางวัลจากเงินรางวัลรวมที่ทำได้ในงวดที่ 4 แต่หากโจทก์ทั้งสามติดตามให้ลูกค้าชำระครบในงวดที่ 5 แล้ว จำเลยจะคืนให้พร้อมเงินรางวัลที่หักไว้ ส่วนเงินรางวัลสำหรับการขายประกันคุ้มครองภาระหนี้จะจ่ายให้เมื่อลูกค้าชำระตรงตามกำหนดสี่งวดแรกต่อการขายแต่ละครั้ง และเงินรางวัลจากบริษัทประกันเพิ่มอีกร้อยละ 5 ของค่าเบี้ยประกันจะได้รับต่อเมื่อลูกค้าชำระค่างวดในงวดแรกแล้วเช่นนี้เห็นได้ว่าการจ่ายเงินรางวัลจากการขายรถยนต์และเงินรางวัลสำหรับการขายประกันคุ้มครองภาระหนี้นั้น มุ่งหมายเพื่อเป็นการจูงใจให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในการหาลูกค้าและตรวจสอบความสามารถในการผ่อนชำระเงินค่างวดของลูกค้าเพื่อป้องกันความเสียหายในด้านสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจของจำเลยอีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้พนักงานกระตือรือร้นหาลูกค้าและติดตามเร่งรัดการจ่ายเงินค่าเช่าซื้อให้ตรงตามกำหนด ดังนั้น พนักงานจะมีโอกาสได้รับเงินดังกล่าวมากน้อยเพียงใดจึงขึ้นอยู่กับความขยันและประสิทธิภาพในการทำงานของแต่ละคน ส่วนเงินรางวัลเพิ่มอีกร้อยละ 5 ของค่าเบี้ยประกันก็เป็นเงินรางวัลที่โจทก์ทั้งสามได้รับจากบริษัทประกัน มิใช่ได้รับจากจำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง ดังนั้น เงินรางวัลตามฟ้องดังกล่าวจึงไม่ใช่เงินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการทำงานโดยตรงตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติหรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงานอันจะถือเป็นค่าจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5 อุทธรณ์จำเลยข้อนี้ฟังขึ้น

ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยในประการต่อมาว่า โจทก์ทั้งสามมีสิทธิได้รับเงินตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การจ่ายเงินตามฟ้องทั้งสามกรณีนั้น จำเลยกำหนดเงื่อนไขไว้โดยการขายรถยนต์จะจ่ายให้ต่อเมื่อลูกค้าผ่อนค่างวดครบสี่งวดแรกตรงตามกำหนด มิฉะนั้นโจทก์ทั้งสามจะต้องติดตามให้ลูกค้าชำระให้ครบภายในงวดที่ 5 แต่ถ้าไม่ครบก็จะไม่ได้รับเงินรางวัล ส่วนการขายประกันคุ้มครองภาระหนี้จะจ่ายให้ต่อเมื่อลูกค้าชำระตรงกำหนดสี่งวดแรก และเงินรางวัลจากบริษัทประกันจำเลยจะจ่ายให้ต่อเมื่อลูกค้าชำระค่างวดในงวดแรกแล้ว การที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขเช่นนี้ได้โจทก์ทั้งสามจะต้องมีสภาพเป็นพนักงานจนกว่าจะได้ปฏิบัติงานครบกำหนดงวดตามเงื่อนไขดังกล่าวเสียก่อนจึงจะมีสิทธิได้รับเงินรางวัล ทั้งจำเลยจะจ่ายเงินรางวัลให้กับพนักงานที่ยังคงมีสถานภาพเป็นพนักงานในวันที่จ่ายเท่านั้น เมื่อโจทก์ทั้งสามลาออกจากการเป็นลูกจ้างเป็นการพ้นสถานภาพการเป็นพนักงานไปก่อนในวันที่จ่าย โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัลตามฟ้อง ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลและคืนเงินที่มีการหักไว้มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นเช่นกัน ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสาม

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ร 2510-2511/2556

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th