ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 273,077.20 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 กระทำในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว โจทก์มีสิทธิได้รับชำระเงินงวดที่ 9 แต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาในการส่งมอบงานงวดที่ 3 ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำงานเสร็จสมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์ของสัญญา จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องจ่ายเงินงวดที่ 10 ซึ่งตามสัญญาระบุให้โจทก์ต้องทำงานเสร็จสมบูรณ์ก่อน โจทก์มีสิทธิเรียกค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 เพียง 34,752 บาท ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 77,658.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 69,581.20 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 27 กรกฎาคม 2538) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนนี้ให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 จ้างโจทก์ก่อสร้างพื้นอาคารคอนกรีตอัดแรงภายหลังตามสัญญาจ้างเหมาเอกสารหมาย จ.1 จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ชำระเงินค่าจ้างงวดที่ 3 ให้โจทก์ คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความสำหรับการชำระเงินในงวดที่ 3 หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเกี่ยวกับกรณีสัญญาจ้างทำของนั้น ป.พ.พ. มาตรา 602 วรรคสอง บัญญัติว่า "ถ้าการที่ทำนั้นมีกำหนดว่าจะส่งรับกันเป็นส่วน ๆ และได้ระบุจำนวนสินจ้างไว้เป็นส่วน ๆ ไซร้ ท่านว่าพึงใช้สินจ้างเพื่อการแต่ละส่วนในเวลารับเอาส่วนนั้น" คดีนี้ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 6.1 เกี่ยวกับการชำระเงินระบุว่า "ผู้ว่าจ้างตกลงจะจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างเป็นงวด ๆ ตามปริมาณของงานที่ทำแล้วเสร็จตามแบบและรายการประกอบแบบข้อ 6.2 "ก่อนยื่นหนังสือขอรับเงินตามข้อง 6.1 ผู้รับจ้างต้องทำรายงานผลการปฏิบัติงานที่แล้วเสร็จทุกวันสิ้นเดือนเพื่อส่งมอบงานให้แก่ผู้ว่าจ้างหรือผู้แทนของผู้ว่าจ้าง โดยผู้ว่าจ้างหรือผู้แทนของ ผู้ว่าจ้างจะทำการรับมอบงานภายใน 7 วัน นับจากวันส่งมอบงานในแต่ละเดือน หากผู้ว่าจ้างหรือผู้แทนของผู้ว่าจ้างไม่ทำการรับมอบงานหรือไม่มีการท้วงติงแจ้งเหตุขัดข้องเป็นลายลักษณ์อัษรภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าผู้ว่าจ้างรับมอบงานแล้ว การจ่ายเงินงวดทุกงวด (เว้นงวดสุดท้ายผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างภายใน 30 วัน (สามสิบวัน) นับจากวันที่ผู้ว่าจ้างหรือผู้แทนของผู้ว่าจ้างรับมอบงานแล้ว หรือวันที่ผู้รับจ้างยื่นเอกสารขอรับเงิน" เห็นว่า ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 6 ซึ่งเป็นข้อกำหนดในการชำระเงินระบุในข้อ 6.1 ว่าผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างเป็นงวด ๆ ตามปริมาณของงานที่ทำแล้วเสร็จตามแบบและรายการประกอบแบบ ไม่มีข้อความระบุให้เห็นชัดว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกำหนดแบ่งเนื้องานที่จะส่งรับกันออกเป็นส่วนอย่างไร มีปริมาณงานแต่ละส่วนเท่าไร และระบุค่าจ้างของงานแต่ละส่วนเป็นจำนวนเท่าใดตารางรายละเอียดมูลค่าจ้างเหมาที่แนบท้ายเอกสารหมาย จ.1 เป็นเพียงวิธีการคิดจำนวนค่าจ้าง ไม่ใช่การแบ่งเนื้องานออกเป็นส่วน ๆ จำเลยที่ 1 ให้การโดยยกอายุความขึ้นต่อสู้ว่าอายุความต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2536 อันเป็นวันแรกของการโต้แย้งสิทธิ พอแปลได้ว่าจำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่างานตามเอกสารหมาย จ.1 มีกำหนดส่งรับกันเป็นส่วน ๆ โจทก์มีหนังสือส่งมอบงานงวดที่ 3 ตามหนังสือลงวันที่ 1 มิถุนายน 2536 ตามเอกสารหมาย จ.3 แผ่นที่ 1 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2536 แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ค้างส่งแบบและรายการประกอบแบบเพื่อให้ศาลได้วินิจฉัยว่าเอกสารดังกล่าวได้มีการแบ่งเนื้องานกำหนดวันส่งรับงานกันอย่างไร อีกทั้งตามเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 6.2 ระบุให้ผู้รับจ้างต้องรายงานผลการปฏิบัติงานที่แล้วเสร็จทุกวันสิ้นเดือนเพื่อส่งมอบงานให้ผู้ว่าจ้าง เมื่อประกอบกับความในข้อ 6.1 ที่ระบุว่าผู้ว่าจ้างจ่ายเงินค่าจ้างตามปริมาณของงานที่ทำเสร็จเป็นงวด ๆ เป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 จ่ายค่าจ้างให้โจทก์ตามผลงานที่ทำแล้วเสร็จนั่นเอง สัญญาจ้างเหมาตามเอกสารหมาย จ.1 จึงไม่ใช่กรณีการจ้างเหมาที่มีกำหนดว่าจะส่งรับงานกันเป็นส่วน ๆ และได้ระบุจำนวนสินจ้างไว้เป็นส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 602 วรรคสอง โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 ได้เมื่อจำเลยที่ 1 รับมอบงานที่เป็นผลสำเร็จแห่งการที่โจทก์ทำตาม ป.พ.พ. มาตรา 587 โจทก์ส่งมอบงานงวดที่ 10 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายให้จำเลยที่ 1 ตามหนังสือลงวันที่ 4 ธันวาคม 2536 เอกสารหมาย จ.8 แผ่นที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่รับมอบงานโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ท้วงติงแจ้งเหตุขัดข้องแก่โจทก์เป็นลายลักษณ์อักษร ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 รับมอบงานแล้วภายในกำหนด 7 วัน คือวันที่ 11 ธันวาคม 2536 ตามเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 6.2 อายุความที่โจทก์เรียกร้องเอาค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 จึงเริ่มนับจากวันที่ 11 ธันวาคม 2536 อันเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/12 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2538 จึงอยู่ภายในกำหนดอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) จำเลยที่ 1 ต้องชำระเงินค่าจ้างงวดที่ 3 แก่โจทก์ สำหรับงานงวดที่ 3 นั้นปรากฏว่าโจทก์ส่งมอบงานแก่จำเลยที่ 1 ตามหนังสือลงวันที่ 1 มิถุนายน 2536 เอกสารหมาย จ.3 แผ่นที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่รับมอบงานโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ท้วงติงแจ้งเหตุขัดข้องแก่โจทก์เป็นลายลักษณ์อักษร ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 รับมอบงานแล้วภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่โจทก์ส่งมอบคือวันที่ 8 มิถุนายน 2536 ตามเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 6.2 แม้จะปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 ว่าโจทก์ขอรับต้นฉบับเอกสารหมาย จ.3 แผ่นที่ 1 คืนไปเพื่อนำไปให้บริษัทวิศวกรรมนฤมาน จำกัด ผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 รับรองผลงาน ก็ไม่เป็นการลบล้างหน้าที่ที่จำเลยที่ 1 ต้องท้วงติงเจ้งเหตุขัดข้องเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อไม่รับมอบผลงานงวดที่ 3 ตามเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 6.2 ดังกล่าว โจทก์ออกใบแจ้งหนี้ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าจ้างงวดที่ 3 จำนวน 203,496 บาท เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2536 ตามเอกสารหมาย จ.3 แผ่นที่ 2 จำเลยที่ 1 ต้องชำระเงินให้โจทก์ภายใน 30 วัน นับจากวันที่โจทก์ขอรับเงินตามเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 6.2 จำเลยที่ 1 จึงต้องชำระเงินให้โจทก์ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2536 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระจึงตกเป็นผู้ผิดนัด ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง นับแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2536 เป็นต้นไป ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์เพิ่มอีก 203,496 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2536 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแก่โจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้ 4,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th