ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 288, 290 และริบตั่งไม้ของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ประกอบมาตรา 83, 288 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 15 ปี ริบตั่งไม้ของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันในสาระสำคัญ บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากหลอดไฟนีออนยาวติดอยู่ น่าเชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความไปตามที่รู้เห็น พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์แม้นายประดิษฐ์ จะเบิกความว่า มองเห็นหน้าคนร้ายแบบเฉียงๆ ตอนนั้นคนร้ายใช้ผ้าพันหน้าตนเองไว้ แต่บริเวณใกล้ๆ มีแสงสว่างจากไฟนีออนแบบยาวผูกติดไว้กับต้นพิกุลทั้งนายประดิษฐ์รู้จักกับจำเลยมาก่อน และเห็นจำเลยกับพวกออกไปเต้นรำอยู่หน้าเวที จึงเห็นชุดที่จำเลยสวมใส่มาในวันเกิดเหตุ ประกอบกับจำเลยมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปเป็นที่สังเกตได้ง่าย หลังเกิดเหตุเพียง 3 วัน นายประดิษฐ์ให้การต่อพนักงานสอบสวนยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้าย เชื่อว่านายประดิษฐ์เห็นและจำจำเลยได้ว่าเป็นคนร้ายที่ใช้ตั่งไม้ตีผู้ตาย แม้คำเบิกความของนายขวัญชัย จะเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่มิใช่คำซัดทอดเพื่อให้นายขวัญชัยพ้นผิดเพราะนายขวัญชัยถูกดำเนินคดีด้วย เมื่อนำคำเบิกความของนายขวัญชัยมาพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้ตั่งไม้ตีผู้ตาย พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาจำเลยที่ว่า เหตุคดีนี้มีการชุลมุนต่อสู้ของกลุ่มวัยรุ่น พวกของจำเลยมี 7 คน ส่วนวัยรุ่นบ้านข่อยมี 4 ถึง 5 คน การตายของผู้ตายเกิดจากการชุลมุนต่อสู้ ไม่มีผู้ใดจงใจทำร้ายร่างกายผู้ตาย ตามลักษณะของเหตุการณ์และสถานที่เกิดเหตุมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าใครเป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตายในการชุลมุนต่อสู้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 นั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง

อนึ่ง แม้พฤติการณ์แห่งคดีจะฟังได้ว่า จำเลยร่วมกับพวกรุมเตะผู้ตายบริเวณร่างกายหลายครั้งก่อนที่จำเลยจะใช้ตั่งไม้ตีศีรษะผู้ตายก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยต่อผู้ตายนั้น เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องในคราวเดียวกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ ทั้งมีผู้ตายเป็นผู้ถูกกระทำเพียงคนเดียว การกระทำของจำเลยจึงมีเพียงเจตนาเดียวคือเจตนาฆ่าผู้ตายเท่านั้นการที่จำเลยร่วมกับพวกรุมเตะผู้ตายจึงเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายอีกบทหนึ่ง คงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเพียงบทเดียว ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 มาด้วยนั้นไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในส่วนที่พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 อีกบทหนึ่งนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.2037/2559

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th