ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ยินยอมให้โจทก์และบริวารใช้ทางผ่านที่ดินของจำเลยตลอดแนวด้านทิศตะวันออก กว้าง 4 เมตร ยาว 155 เมตร ให้จำเลยรับเงินค่าทดแทนในการใช้ที่ดินจำนวน 19,375 บาท

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

คู่ความท้ากันและศาลชั้นต้นเผชิญสืบแล้ววินิจฉัยว่าที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาให้จำเลยเปิดทางในที่ดินจำเลยด้านทิศตะวันออกมีความกว้าง 2 เมตร ยาว 155 เมตร ตลอดแนวให้โจทก์และบริวารใช้เป็นทางผ่าน กับให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนการใช้ที่ดินของจำเลยเป็นเงิน 19,375 บาท

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยเปิดทางในที่ดินของจำเลยด้านทิศตะวันออก กว้าง 4 เมตร ยาวตลอดแนวประมาณ 155 เมตร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยมาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยเพียงประเด็นเดียวว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นตรงตามคำท้าหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะโดยต้องผ่านที่ดินของจำเลยตามฟ้องหรือไม่ แล้วคู่ความท้ากันว่า หากทำแผนที่พิพาทได้ ข้อเท็จจริงว่าที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าปรากฏว่าที่ดินโจทก์สามารถออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์ยอมแพ้(รายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2537) เมื่อศาลชั้นต้นไปเผชิญสืบที่พิพาทปรากฏว่าที่พิพาทมีสภาพดังปรากฏตามแผนที่ท้ายคำให้การจำเลย และตามที่ปรากฏในท้ายบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2537 กล่าวคือที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้อยู่ติดกับทางส่วนบุคคลของนายนามเพียเฮียง นายพรม แสนแก้ว และนายธัชวาลย์ สาวิสิทธิ์ซึ่งเป็นเจ้าของทางร่วมกัน และไม่อนุญาตให้โจทก์ผ่านทางดังกล่าวส่วนที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศเหนือติดกับที่ดินของจำเลยและทิศเหนือติดกับที่ดินของจำเลยเป็นทางสาธารณประโยชน์ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์ติดกับที่ดินของบุคคลอื่น จากสภาพดังกล่าวถือได้ว่า ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ เพราะตามเจตนารมณ์ของคู่ความ คำท้าที่ว่าไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะย่อมหมายความตามที่วิญญูชนทั่วไปเข้าใจ กล่าวคือ ย่อมหมายความรวมทั้งไม่มีทางออกและมีทางออกแต่ไม่สามารถใช้ทางออกนั้นได้ จำเลยจึงต้องแพ้คดี การที่จำเลยฎีกาโต้เถียงว่า ตามคำท้าจะต้องตีความโดยเคร่งครัดว่า มีทาง หรือไม่มีทาง ออกสู่ทางสาธารณะเท่านั้น หากมีทางออกแต่ใช้เป็นทางออกไม่ได้ก็ถือว่ามีทางออกแล้วนั้นเป็นการตีความไปในทำนองเล่นสำนวนโวหาร หาชอบด้วยเจตนารมณ์ของการตีความไม่ เพราะถ้าแปลดังจำเลยว่า การมีทางออกสู่ทางสาธารณะแต่ใช้เป็นทางออกไม่ได้จะแตกต่างอย่างไรกับความหมายที่ว่าไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองด้วยความเห็นของศาลฎีกา

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th