ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 27 เป็นของโจทก์ทั้งแปลง มิใช่เป็นที่สาธารณประโยชน์บางส่วนมีเนื้อที่ 3 ไร่ แต่อย่างใด และให้เพิกถอนคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจังหวัดสุรินทร์ ที่ 2085/2529ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2529

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 27 เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ 3 งาน66 ตารางวา เพราะโจทก์ได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวทับที่หนองฮะซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำนวนเนื้อที่ 3 ไร่ จำเลยทั้งสองได้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน และให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินจากจำนวน 200 บาท ทั้งสองศาลให้แก่โจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 27 เป็นของโจทก์ทั้งแปลงมิใช่เป็นที่สาธารณประโยชน์บางส่วนมีเนื้อที่ 3 ไร่แต่อย่างใดและให้เพิกถอนคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจังหวัดสุรินทร์ จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวเพราะโจทก์ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันจำนวนเนื้อที่3 ไร่ คดีนี้โจทก์จำเลยจึงโต้เถียงกันว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อปรากฏว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทคดีโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12)พ.ศ. 2534 มาตรา 18 อันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นฎีกาที่โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่เป็นหนองน้ำสาธารณประโยชน์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่านายบุ่น สิทธิจันทร์ บิดาโจทก์ได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก่อนประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 บิดาโจทก์ได้แจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ไว้เป็นหลักฐานและเข้าครอบครองต่อเนื่องตลอดมา ต่อมาโจทก์ได้ยื่นเรื่องราวขอรับโอนมรดกและขอรับรองการทำประโยชน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ทางราชการหรือประชาชนจะมากล่าวอ้างว่าเป็นหนองน้ำสาธารณใช้ประโยชน์ร่วมกันหาได้ไม่ เห็นว่าฎีกาข้อนี้โจทก์ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์ แต่ไม่ต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินจาก200 บาท ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้โจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th