ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีทั้งสามสำนวนศาลรวมพิจารณาพิพากษา โดยโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาฉ้อโกงหรือยักยอกทรัพย์ โดยสองสำนวนแรกกล่าวหาว่าจำเลยรับราชการเป็นสมุหบัญชีกองกำกับการตำรวจภูธร บังอาจทุจริตหลอกลวงนายอ๋า วนิชศรี ชักชวนให้นำเงินมาให้จำเลยลงทุนซื้อข้าวสารมากักตุนไว้ขายให้ตำรวจ และจะแบ่งกำไรให้ครึ่งหนึ่งโดยการหลอกลวงเป็นเหตุให้จำเลยได้เงินไปจากผู้เสียหาย 15,000 บาทและสำนวนหลังจำเลยบังอาจทุจริตหลอกลวงนายใช้หรือสันทนะ เหลืองธานีชักชวนให้นำเงินมาให้จำเลยเพื่อนำออกให้ตำรวจกู้ และจะแบ่งดอกเบี้ยให้ครึ่งหนึ่ง โดยการหลอกลวงเป็นเหตุให้จำเลยได้เงินไปจากผู้เสียหาย 15,000 บาท ทั้งนี้โดยจำเลยบังอาจทุจริตหลอกลวงเพื่อได้ไปซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว หรือมิฉะนั้นได้รับมอบเงินจำนวนดังกล่าวไว้แล้ว บังอาจเบียดบังไว้เป็นของตนโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 352 และให้คืนหรือใช้ทรัพย์จำนวนที่จำเลยรับไปแก่เจ้าทรัพย์ และให้นับโทษต่อกัน จำเลยให้การปฏิเสธทุกสำนวน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์ในข้อหาฉ้อโกงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด เพราะไม่กล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไรแต่ฟังว่าจำเลยได้รับเงินไว้จากผู้เสียหายและเบียดบังไว้โดยทุจริต อันเป็นความผิดฐานยักยอก พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ให้จำคุกจำเลยสำนวนและมีกำหนด6 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยอุทธรณ์ทั้งสามสำนวน ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นการลงทุนร่วมกันหาผลประโยชน์เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน เมื่อจำเลยไม่คืนทุนหรือผลกำไรจึงเป็นเรื่องผิดสัญญา แม้จำเลยจะปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินก็ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ทั้งข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ชัดว่า จำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหายไปจริงหรือไม่ พิพากษากลับโดยให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสามสำนวน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายทั้งสองได้มอบเงินแก่จำเลยจริง เหตุที่นายอ๋าผู้เสียหายมอบเงินให้จำเลย ก็เพราะต้องการผลกำไรที่จำเลยจะแบ่งให้จากการขายข้าวสารให้ตำรวจส่วนรายนายใช้ผู้เสียหายก็เพื่อได้รับแบ่งปันดอกเบี้ยที่จำเลยจะนำเงินออกให้ตำรวจกู้ พฤติการณ์เป็นเรื่องเข้ารวมทุนกับจำเลยสุดแต่จำเลยจะนำไปจัดการหาประโยชน์เสมือนหนึ่งเป็นทุนของจำเลยเอง จึงไม่เรียกว่าจำเลยได้รับมอบให้ครอบครองทรัพย์ของผู้เสียหายอันจะเข้าเกณฑ์เป็นความผิดฐานยักยอก พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th