คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8519/2544
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 5
การที่จำเลยกับพวกร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่า พวกของจำเลยทำบัตรประจำตัวประชาชนสูญหายขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ในชื่อที่ไม่ตรงความจริง นับเป็นการกระทำที่อาจกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศชาติ ทั้งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นที่เป็นเจ้าของบัตรประจำตัวประชาชนที่แท้จริงได้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ขณะเกิดเหตุจำเลยมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านย่อมมีหน้าที่ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายแต่กลับมากระทำความผิดเสียเอง เหตุที่จำเลยอ้างว่าเคยประกอบคุณความดีต่าง ๆมาก่อนนั้นไม่เพียงพอที่จะรับฟังเพื่อการรอการลงโทษจำคุกได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อนายพงษ์เทพ พรมทา ปลัดอำเภอภูผาม่าน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานบัตรประจำตัวประชาชน ประจำสำนักทะเบียนอำเภอภูผาม่านว่า พวกของจำเลยชื่อนายบุญมี จันดีทอง อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 4ตำบลนาฝาย อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ทำบัตรประจำตัวประชาชนสูญหาย จึงแจ้งความไว้เพื่อขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ต่อไป ความจริงแล้วพวกของจำเลยชื่อนายอรรถวุฒิหรือสมควรหรืออี แดงคำมี และไม่ได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนหายแต่อย่างใดซึ่งอาจทำให้นายพงษ์เทพ เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนอำเภอภูผาม่านนายบุญมี เจ้าพนักงานหรือประชาชนเสียหาย ต่อมาในวันเวลาเดียวกันหลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยกับพวกร่วมกันแจ้งให้นายพงษ์เทพ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ มีหน้าที่สอบสวนผู้ขอมีบัตรประจำตัวประชาชนจดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกคำให้การของผู้ขอมีบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยรับรองว่าพวกของจำเลยซึ่งได้ยื่นคำร้องขอมีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นบุคคลคนเดียวกับนายบุญมีซึ่งเป็นญาติของจำเลยซึ่งความจริงแล้วพวกของจำเลยมีชื่อว่านายอรรถวุฒิหรือสมควรหรืออี โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายพงษ์เทพ เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนอำเภอภูผาม่านนายบุญมี เจ้าพนักงานหรือประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 83, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 267, 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารสำคัญของทางราชการที่ออกให้โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญประการหนึ่งเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการแสดงตนของบุคคล จำเลยกับพวกร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานและร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่า พวกของจำเลยชื่อนายบุญมี จันดีทอง ทำบัตรประจำตัวประชาชนสูญหาย ขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ในนามของนายบุญมี นับเป็นการกระทำที่อาจกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศชาติทั้งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยเฉพาะผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัตรประจำตัวประชาชนที่แท้จริงได้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงประกอบกับตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านปรากฏว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน จำเลยย่อมมีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายแต่จำเลยกลับมากระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง เหตุที่จำเลยอ้างในฎีกาว่า จำเลยเคยประกอบคุณงามความดีต่าง ๆมาก่อนนั้น ไม่เพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ ประจำศาลแขวงขอนแก่น จำเลย - นาย หลัด ก่ำเดช
ชื่อองค์คณะ อัธยา ดิษยบุตร ปรีดี รุ่งวิสัย สมศักดิ์ เนตรมัย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan