คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8567/2544
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 58 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192, 212 พระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2522 ม. 13
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบเสาะและพินิจซึ่งศาลชั้นต้นได้อ่านให้จำเลยฟังตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522มาตรา 13 แล้ว จำเลยไม่คัดค้าน เป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงานนั้นว่าศาลจังหวัดพิษณุโลกมีคำพิพากษาให้จำคุก6 เดือน โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ระหว่างรอการลงโทษจำคุกจำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้อีก ศาลที่พิพากษาในคดีหลังต้องนำโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษศาลอุทธรณ์จึงต้องนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรกไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย และมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334, 357 และให้จำเลยทั้งสองคืนดิสเบรกหน้าหรือใช้ราคา 3,700 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ให้จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด2 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนดิสเบรกหน้าหรือใช้ราคา 3,700 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 เดือน บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1739/2540ของศาลจังหวัดพิษณุโลก เข้ากับโทษในคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 เดือน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาดิสเบรกหน้าเป็นเงิน1,700 บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1739/2540 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรกบัญญัติว่า "เมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่าภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้นให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง หรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่กรณีเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบเสาะและพินิจซึ่งศาลชั้นต้นได้อ่านให้จำเลยฟังตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522 มาตรา 13 แล้ว จำเลยที่ 2ไม่คัดค้านเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงานนั้นว่า ศาลจังหวัดพิษณุโลกมีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1739/2540 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2540 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด 6 เดือนปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้งมีกำหนด 1 ปี ให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ให้แล้วเสร็จใน 1 ปี ปรากฏว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล ศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับข้อเท็จจริงจึงปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่าระหว่างเวลาที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกรอการลงโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1739/2540จำเลยที่ 2 ได้มากระทำความผิดคดีนี้อีก ศาลที่พิพากษาในคดีหลังต้องนำโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ก็ตาม ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ก็ต้องนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1739/2540 ของศาลจังหวัดพิษณุโลกมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามมาตรา 58 วรรคแรกและกรณีนี้ไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยเพราะกฎหมายบัญญัติให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังด้วย และกรณีมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอฎีกาของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัย จำเลย - นาย จักรกฤษณ์ ยังดี กับพวก
ชื่อองค์คณะ วิเทพ ศิริพากย์ มงคล ทับเที่ยง กุลพัชร์ อิทธิธรรมวินิจ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan