ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์กู้เงินจำเลยไป ๒๓๐ บาทแล้วมอบที่นามือเปล่าให้ทำต่างดอกเบี้ย และสัญญาจะชำระหนี้ภายใน ๒ ปี ครั้นถึงกำหนดโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาจำเลยก็คงครอบครองที่นาตลอดมา บัดนี้โจทก์จะใช้เงินเพื่อเอาที่นาคืน จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยรับเงินชำระหนี้แล้วคืนที่นาให้โจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้แม้โจทก์จะนำสืบผิดไปว่าโจทก์ทำหนังสือไว้กับจำเลยเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ แต่ความจริงปรากฎตามหนังสือสัญญานั้นเป็น พ.ศ.๒๔๗๖ ก็ไม่สำคัญ เพราะโจทก์จำเลยรับกันแล้วว่าเป็นหนังสือที่ได้ทำขึ้นจริงแล้ว แต่การที่จำเลยเข้าครอบครองมานั้นในชั้นแรกอาศัยสิทธิตามสัญญาแต่ความในสัญญาข้อ ๒ มิว่าเมื่อถึงกำหนด ๒ ปีโจทก์ไม่มาเอานากลับคืนก็ยอมให้จำเลยยึดเอาที่นาไว้ได้โดยโจทก์ไม่เกี่ยวข้องด้วย ฉะนั้นเมื่อโจทก์ไม่ชำระเงินเอานาคืนไปภายใน ๒ ปี สิทธิครอบครองของจำเลยจึงกลายเป็นครอบครองเพื่อตนนับแต่วันครบกำหนด ๒ ปีเป็นต้นไป เมื่อจำเลยครอบครองต่อมาเกิน ๑ ปีและที่รายพิพาทเป็นที่นามือเปล่า จำเลยจึงยกมาตรา ๑๓๗๕ ขึ้นตัดฟ้องได้ พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









