สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8623/2544

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8623/2544

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 208 วรรคสอง

ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง (เดิม) ที่บัญญัติว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ความหมายก็คือ ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งทั้งสองประการ คือ ทั้งเหตุที่ได้ขาดนัดพิจารณาและทั้งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาด คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย กล่าวเพียงเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดยื่นคำให้การเท่านั้นแต่จำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดพิจารณาเป็นเหตุที่จำเลยจะมีคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 207 คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง จึงไม่มีเหตุที่จะให้มีการพิจารณาใหม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๙๒๔,๐๒๖.๑๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ หากจำเลยทั้งสองมีโอกาสเข้ามาต่อสู้คดีก็จะมีทางชนะคดีของโจทก์ได้ เพราะโจทก์ไม่มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองให้แก่จำเลยทั้งสองทราบโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยทั้งสองแล้ว มีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ค่าคำร้องให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง บัญญัติว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ความหมายก็คือ ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งทั้งสองประการ คือ ทั้งเหตุที่ได้ขาดนัดและทั้งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล แต่คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองมีใจความว่า พนักงานเดินหมายได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีปิดหมาย เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๑ จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำให้การในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และกำหนดวันนัดชี้สองสถานวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๔๑ เวลา ๑๓ นาฬิกา ถึงวันนัด ดังกล่าวจำเลยทั้งสองไปศาล ได้ทราบว่าคดีนี้ศาลได้พิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวและมีคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๑ โดยศาลมีคำสั่งไม่รับคำให้การจำเลยทั้งสองเพราะยื่นพ้นกำหนดระยะเวลาแล้ว เนื่องจากในรายงานการเดินหมายของเจ้าหน้าที่ส่งหมายได้รายงานต่อศาลว่า ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๐ จำเลยทั้งสองจึงมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การแต่อย่างใด ตามคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยทั้งสองได้กล่าวแต่เพียงเหตุที่จำเลยทั้งสองได้ขาดนัดยื่นคำให้การเท่านั้น มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ตามที่ได้มีการส่งหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวนั้นให้จำเลยทั้งสองทราบโดยชอบแล้ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยทั้งสองได้ขาดนัดพิจารณาเป็นเหตุที่จำเลยทั้งสองจะมีคำขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๗ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จำเลย - นายมนตรี สุบรรณพงษ์ กับพวก

ชื่อองค์คณะ จำรูญ แสนภักดี ชาญชัย ลิขิตจิตถะ วสันต์ ตรีสุวรรณ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลภาษีอากรกลาง - นายสายัณห์ มุกดาประเสริฐ ศาลอุทธรณ์ - นายขวัญชัย ปิ่นรอด

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th