สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2539

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 172 วรรคสอง

เมื่อโจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองด้วยการนำข้อความเท็จมาฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็นคดีอาญาในข้อหาว่าร่วมกันนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีและร่วมกันเบิกความเท็จจนศาลชั้นต้นหลงเชื่อลงโทษจำคุกโจทก์ทั้งสองแต่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหายหากข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์ทั้งสองกล่าวอ้างจำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ทั้งสองฟ้องของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นฟ้องที่ศาลชั้นต้นชอบที่จะรับไว้พิจารณา

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ ทั้ง สอง ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 1 เมษายน 2514 โจทก์ ที่ 1นำ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 11795 กับ ที่ดิน โฉนด อื่น อีก 2 แปลง ไป จดทะเบียนขายฝาก ไว้ กับ จำเลย เป็น เงิน 300,000 บาท เมื่อ ครบ กำหนด โจทก์ ที่ 1ไม่ ไถ่ถอน ที่ดิน ทั้ง 3 แปลง จึง ตกเป็น กรรมสิทธิ์ ของ จำเลย ต่อมาเมื่อ วันที่ 1 พฤษภาคม 2515 โจทก์ ที่ 1 ได้ ชวน โจทก์ ที่ 2 ซื้อ ที่ดินแปลง ดังกล่าว คืน จาก จำเลย เป็น เงิน 150,000 บาท ได้ ชำระ ค่าที่ดินไป แล้ว แต่ ยัง โอน กรรมสิทธิ์ ไม่ได้ เพราะ ยัง หา โฉนด ไม่พบ จำเลย ได้ มอบที่ดิน ให้ โจทก์ ที่ 1 ครอบครอง ต่อมา เมื่อ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2528โจทก์ ที่ 1 จึง ยื่น คำร้อง ต่อ ศาลชั้นต้น ขอแสดงกรรมสิทธิ์ โจทก์ ที่ 1ได้ อ้าง โจทก์ ที่ 2 เป็น พยาน ต่อมา ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ โจทก์ ที่ 1ได้ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน หลังจาก ได้ กรรมสิทธิ์ มา แล้ว ประมาณ 3 ปีโจทก์ ที่ 1 ก็ ขาย ที่ดิน ให้ แก่ ผู้อื่น ไป จน กระทั่ง ต่อมา เมื่อ วันที่4 กรกฎาคม 2531 จำเลย ทราบ เรื่อง ได้ ฟ้องโจทก์ ทั้ง สอง ที่ ศาลชั้นต้นเป็น คดีอาญา กล่าวหา ว่า โจทก์ ทั้ง สอง ร่วมกัน นำสืบ แสดง หลักฐานอันเป็นเท็จ ใน การ พิจารณา คดี และ ร่วมกัน เบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นหลงเชื่อ ว่า เป็น ความจริง ได้ พิพากษา ลงโทษ โจทก์ ทั้ง สอง ให้ จำคุกคน ละ 3 ปี แต่ ศาลอุทธรณ์ และ ศาลฎีกา พิพากษายก ฟ้อง การกระทำ ของ จำเลยเป็น การ ละเมิด ต่อ สิทธิ เสรีภาพ พลานามัย สุขภาพ จิต ชื่อเสียงเกียรติคุณ ตลอดจน อาชีพ ของ โจทก์ ทั้ง สอง อย่างร้ายแรง โจทก์ ที่ 1ได้รับ ความเสียหาย คิด เป็น เงิน 49,000,000 บาท แต่ ขอ คิด เพียง48,000,000 บาท โจทก์ ที่ 2 ได้รับ ความเสียหาย คิด เป็น เงิน40,000,000 บาท ขอให้ บังคับ จำเลย ชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน แก่ โจทก์ ที่ 1เป็น เงิน 48,000,000 บาท และ โจทก์ ที่ 2 เป็น เงิน 40,000,000 บาทพร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไปจนกว่า จะ ชำระ เสร็จ

ศาลชั้นต้น ตรวจ คำฟ้อง แล้ว มี คำสั่ง ยกฟ้อง

โจทก์ ทั้ง สอง อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน

โจทก์ ทั้ง สอง ฎีกา

ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า "ตาม คำบรรยายฟ้อง ของ โจทก์ ทั้ง สอง เป็น การฟ้อง ว่า จำเลย กระทำ ละเมิด ต่อ โจทก์ ทั้ง สอง ด้วย นำ ข้อความเท็จมา ฟ้องโจทก์ ทั้ง สอง ทำให้ โจทก์ ทั้ง สอง เสียหาย หาก ข้อเท็จจริงเป็น ดัง ที่ โจทก์ ทั้ง สอง กล่าวอ้าง จำเลย ก็ ต้อง รับผิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้ แก่ โจทก์ ทั้ง สอง ฟ้อง ของ โจทก์ ทั้ง สอง จึง เป็นฟ้อง ที่ ศาล ชอบ จะ ต้อง รับ ไว้ พิจารณา ที่ ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์พิพากษายก ฟ้องโจทก์ ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา ของ โจทก์ ทั้ง สองฟังขึ้น "

พิพากษากลับ ให้ ศาลชั้นต้น รับฟ้อง ของ โจทก์ ทั้ง สอง และดำเนินการ ต่อไป

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ประเสริฐ อนันตศิลป์ กับพวก จำเลย - นาย สุหัสน์ คุณจักร์

ชื่อองค์คณะ สถิตย์ สิทธิลักษณ์ ปรีชา เฉลิมวณิชย์ ธีระจิต ไชยาคำ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th